🤔“แนะนำอย่างนี้ จะดีกับนักเรียนจริงมั้ย ?
แล้วสิ่งที่เราแนะนำไป ยังจะทันกับโลกทุกวันนี้หรือเปล่า
หรือนักเรียนที่ทำตามจะเสียใจทีหลังกันนะ ?”
เสียงที่ดังขึ้นในหัวทุกครั้ง เมื่อนักเรียนมาปรึกษา
ขอคำแนะนำเพื่อเลือกสายการเรียน หรือเลือกคณะเพื่อศึกษาต่อ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการตัดสินใจว่าควรเรียนสายวิชาไหนดี
มีปัจจัยอื่น ๆ ที่มากมายไปกว่าแค่ “ความชอบ”
“ความสนใจ” หรือ “ความถนัด” ของนักเรียนเพียงอย่างเดียว
และในหลาย ๆ ครั้งมี “ค่านิยมสังคม” หรือ “ความหวังดี” อยู่ด้วย
insKru และโครงการ Girl in STEM โดย Sea (Thailand)
จะมาชวนคุณครูสำรวจวิธีการแนะแนวที่ได้ผล
พร้อมเปิดโลกการทำงานจริงในแวดวง STEM
คุณครูกดแชร์ไว้ เพื่อนำไปใช้กับนักเรียนได้เลยน้า
💬การแนะนำสายการเรียนสำหรับนักเรียนที่มั่นใจ
เข้าใจตัวเอง จนตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่แล้ว
เราก็คงไม่รู้สึกเป็นห่วงมากนัก แต่จะเป็นห่วงนักเรียน
ที่ยังออกอาการลังเล ตัดสินใจไม่ได้เสียมากกว่า
อาการลังเล ตัดสินใจไม่ได้ที่เกิดขึ้น มีผลจาก 2 ปัจจัยด้วยกัน
คือปัจจัยภายในของนักเรียน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองถนัดอะไร
หรือไม่แน่ใจว่าจะเรียนอะไรต่อไปดี ไม่ได้ชอบหรือสนใจอะไรเป็นพิเศษ
ซึ่งเราสามารถสื่อสารโดยตรงกับนักเรียนได้เลย หรือทำกิจกรรมผ่านเนื้อหา
ในคาบเรียนวิชาแนะแนวอย่างการทำแบบทดสอบสำรวจตนเอง
หรือ ค้นหาอาชีพต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
ในขณะที่ปัจจัยภายนอกรอบตัวนักเรียน อย่างความคาดหวังของผู้ปกครอง
หรือมุมมองที่สังคมมีต่อวิชาชีพต่าง ๆ ก็มีส่วนในการตัดสินใจอยู่ไม่ใช่น้อยเช่นกัน
โดยคุณครูอย่างเราก็สามารถสื่อสารให้ความกังวลตรงนี้ คลายไปได้เหมือนกันนะ
🧪 สมมุติว่านักเรียนคนหนึ่งมั่นใจแล้วว่าอยากเรียนในวิชาสาย STEM
เพื่อประกอบวิชาชีพต่อไป นั่นก็คือเคลียร์ปัจจัยภายในตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว
แต่เชื่อหรือไม่ว่ามีนักเรียนจำนวนไม่น้อยที่ต้องเจอการเบรค
จากผู้ใหญ่ที่มองว่าวิชาชีพนั้น ๆ มีความเสี่ยงอันตราย
สภาพแวดล้อมในการทำงานไม่เหมาะกับเพศของเด็ก ๆ หรอก
เช่น หากมีเด็กผู้หญิงมาปรึกษาเพราะอยากเรียนวิศวะ
จบไปตั้งใจจะทำงานที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนอาจจะเบรค
ด้วยความคิดที่ว่า “ไปอยู่แท่นขุดเจาะน้ำมันนั้นอันตราย
แถมสภาพแวดล้อมตรงนั้นก็มีผู้ชายเต็มไปหมด
ลองเรียนอย่างอื่นแทนดีกว่ามั้ย ?”
👨💻ส่วนหนึ่งที่ภาพลักษณ์นี้ผลิดอกออกผลมาได้
ก็เป็นเพราะว่าสภาพแวดล้อมในการทำงานทุกวันนี้
มีผู้ชายเป็นหลักจริง ๆ จนองค์กรอาจไม่มีแนวทาง
ในการรับมือที่มีประสิทธิภาพกับผู้หญิงมาก่อน
จนทำให้ผู้ใหญ่ที่เห็นภาพนี้เกิดความเป็นห่วงในตัวนักเรียนขึ้นมา
เมื่อประกอบกับความเหลื่อมล้ำจากวัฒนธรรมองค์กรที่เกิดขึ้น
ทั้งการกีดกันในตำแหน่งหน้าที่การงาน (Glass Ceiling) ที่ทำให้ผู้หญิงไม่สามารถ
ขึ้นสู่ตำแหน่งการบริหารได้ตามความสามารถของตน หรือความเหลื่อมล้ำ
ทางรายได้ (Gender Pay Gap) ซึ่งประเทศไทย
รายได้ของผู้ชาย มักมากกว่าผู้หญิงที่ทำงาน
ตำแหน่งเดียวกันเกือบ 10 %
ทำให้การเลือกเรียน และทำงานในสายงาน STEM
ยังไม่ถูกเปิดกว้างตามความสามารถ และความสนใจของนักเรียน
ได้จริง ๆ อย่างที่ควรจะเป็นนั่นเอง
และที่เศร้าที่สุดคือการเกิดการวนเป็นวงจรลูป
ที่แก้ไขได้ยากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อเด็กผู้หญิงเลือกเรียนสายวิชา STEM น้อย
ก็จะมีบุคลากรที่ทำงานด้านนี้น้อย
เมื่อมีจำนวนคนทำงานน้อย สังคมก็จะมองว่าสายวิชานี้
เหมาะกับผู้ชายเท่านั้น
ทำให้มีเด็กผู้หญิงเรียนสายวิชานี้น้อยตามไปด้วย
🔬 ถึงตรงนี้หลาย ๆ คนกำลังสงสัยอยู่เลยว่า
แล้วการมีผู้หญิงเข้ามาในสายงาน STEM มากกว่าที่เป็นอยู่
จะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรมั้ย บอกเลยว่า มีอย่างแน่นอน
เนื่องจากมีการพิสูจน์แล้วว่า
การเพิ่มขึ้นของผู้หญิงที่ทำงานสาย STEM
เป็นผลดีกับทุกคน ทุกเพศ ทั้งในและนอกวงการ
เพราะความหลากหลาย ไม่ว่าจะทางเพศหรือเชื้อชาติ
ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพจากหลากหลายมุมมองทางสังคม
นอกจากนี้การทำงานร่วมกันยังช่วยเติมเต็มให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ
อีกด้วย เช่น การออกแบบเข็มขัดนิรภัยในรถยนต์ ตอนแรกถูกออกแบบโดย
คำนึงถึงสรีระผู้ชาย ทำให้ไม่สามารถปกป้องผู้หญิงที่ขับรถได้ดีเท่าที่ควร
หรือการออกแบบเครื่องมือสำหรับการผ่าตัด ที่ไม่ได้คำนึงถึง
ศัลยแพทย์ทั่วไปที่เป็นผู้หญิง ทำให้หยิบจับได้ไม่สะดวก เป็นอันตรายต่อผู้ป่วย
การมีผู้หญิงในสายงาน STEM มากขึ้น จึงยิ่งเสริมมุมมองเหล่านี้
ที่ยังขาดหายไปในการสรรสร้างสิ่งดี ๆ กับสังคม ซึ่งเป็นผลดีกับทุกคน ทุกเพศจริง ๆ
อ้างอิง
https://www.scientificamerican.com/article/how-diversity-makes-us-smarter/
https://headfoundation.org/2021/09/27/the-importance-of-women-in-stem/
https://www.med-technews.com/medtech-insights/latest-medtech-insights/women-in-stem-paving-the-way-for-innovation-in-women%E2%80%99s-health
🌟เมื่อได้รู้ถึงผลดีขนาดนี้แล้ว อยากให้นักเรียนมีความมั่นใจ
เลือกสายการเรียน หรือคณะที่สนใจได้เต็มที่
โดยไม่ต้องกังวลค่านิยมของสังคม หรือความเป็นห่วงจากผู้ใหญ่
ครูมิ้น - นิษฐ์รตี โชติวัฒน์คุณาธร
ครูแนะแนวประสบการณ์กว่า 7 ปี
ได้แบ่งปันวิธีการ และแนวทางคร่าว ๆ มาดังนี้
1. ครูไม่ใช่ผู้ถือข้อมูลและตัดสินใจ เรามีหน้าที่ประสานความช่วยเหลือ ประสานข้อมูล ให้นักเรียนไปเจอกับแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ หรือคุยกับคนก็ตาม แล้วให้พื้นที่เขาในการตัดสินใจด้วยตัวเอง สื่อพวกนี้จริง ๆ แอบหายาก บางครั้งก็จะมีค่าใช้จ่ายด้วย ซึ่งเราเข้าใจ มันเป็นองค์ความรู้ มีค่าเสียเวลาในการทำที่ต้องจ่าย เด็กบางคนสามารถรับค่าใช้จ่ายได้ แต่บางคนก็ไม่ไหวเหมือนกัน
หรือที่โรงเรียนเก่า มีโครงการพี่พบน้อง ที่ชวนรุ่นพี่กลับมาคุย กลับมาแนะแนววิชาชีพให้กับรุ่นน้อง โดยจะมีทุกอาชีพตลอดทั้งเดือน ช่วยให้นักเรียนเห็นภาพได้กว้างขึ้นกว่าเดิม
2. กรณีที่ผู้ปกครองคิดอีกมุมมองแล้วกำหนดว่าอยากให้เรียนอะไร สิ่งที่ทำได้คือการทำความเข้าใจ นำเอาเหตุผลในการคุยกันมากกว่าอารมณ์
อย่างเคสนึงที่ครูมิ้นเคยเจอ มีนักเรียนหัวดี เข้าหมอได้แน่นอน แต่ตัวเองชอบด้านอาร์ต เลยตัดสินใจเรียนเพื่อเป็นนักเวชนิทัศน์ ทำสื่อทางการแพทย์ ผู้ปกครองก็ห้าม อยากให้เรียนหมอมากกว่า จริง ๆ แล้วที่บ้านอาจยังไม่เข้าใจว่าสิ่งที่นักเรียนอยากเรียนเกี่ยวกับอะไร เพราะมันเกินความเข้าใจของยุคสมัยนั้น โลกการเรียนรู้ยังไม่เปิดเท่าปัจจุบัน
สุดท้ายนักเรียนก็หาข้อมูลไปทำความเข้าใจ ทำงานยังไง ทำงานที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่
คุยกันจนเกิดความเข้าใจกันในที่สุด สิ่งที่น่าดีใจคือ เขาได้ทำงานที่มีความหมาย ไม่ใช่ทำไปงั้น ๆ ในแต่ละวัน
3. ตอนที่นักเรียนปรึกษา โดยเล่าถึงความชอบ ถึงแม้ว่าความถนัดจะตรงหรือไม่ เราไม่ควรไปดับฝันเขาเลย เนื่องจากเราไม่รู้ทั้งหมดของชีวิตเด็ก เราเห็นแค่ในพาร์ทการเรียน
ไม่ว่ามีศักยภาพมากน้อยแค่ไหน เราเลือกจะเชียร์อัพก่อน เพราะความฝัน ความตั้งใจนั้นมีคุณค่าและยิ่งใหญ่สำหรับเด็กคนนั้นมาก เสียงข้างในของนักเรียนนั่นแหละจะช่วยให้เขาอยากพัฒนา แล้วเราค่อยช่วยไกด์เขาจากจุดนั้นต่อไป
เมื่อได้เข้าใจแนวทางการแนะนำแบบนี้แล้ว
เราในฐานะครูก็คงสามารถช่วยซัพพอร์ตนักเรียน
ตามความต้องการของผู้เรียนจริง ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน
🚨 พิเศษ ! สำหรับคุณครูที่ต้องการหาแนวทางการสอน
อย่างเป็นมิตร และอยากให้นักเรียนที่สนใจเรื่อง STEM
ได้พูดคุยกับตัวจริงในวงการเพื่อให้มั่นใจในเส้นทางที่กำลังจะเลือก
SEA (Thailand) ร่วมกับ insKru และ สวทช.
ได้ตั้งใจจัด One-Day Camp “Girl in STEM” ขึ้นมา
เพื่อให้คุณครูและนักเรียนมาพบกับ
ประสบการณ์การเรียนรู้ STEM แบบใหม่
และเสริมความมั่นใจผ่านการ empower
นักเรียนหญิงไปพร้อมกัน
👩🏻🔬 ในงานเตรียมพบกับ Talk เติมแรงบันดาลใจ
รับฟังมุมมองจากตัวจริงในแวดวง STEM
ในกิจกรรม Human Library
ให้นักเรียนได้พูดคุยในบรรยากาศสบาย ๆ
กับพี่ ๆ ที่ทำงานสาย STEM ไม่ว่าจะเป็น
วิศวกรนาโน นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล
วิศวกรการบินและอวกาศ นักวิทยาศาสตร์การอาหาร
นักนิติวิทยาศาสตร์ นักวิทยาศาสตร์เภสัชวิทยาภูมิคุ้มกัน
และอีกมากมาย พร้อมตอบคำถาม ไขข้อสงสัย
ให้นักเรียนก้าวออกจากงานไปด้วยความมั่นใจ
.
พร้อมกิจกรรมอบรมคุณครู จากสวทช.
ร่วมกันออกแบบแนวทางการสอนที่โอบรับทุกคนทุกเพศ
พร้อมผลักดันศักยภาพของนักเรียนเราทุกคนอย่างเต็มที่
.
สมัครได้เลยที่ https://bit.ly/Girl_in_STEM
ตั้งแต่วันนี้ - 16 มิถุนายน 2567 เท่านั้น !
.
ครู 1 คน ชวนนักเรียนผู้หญิง (หรือเพศทางเลือก)
ช่วงชั้นม.ต้น มาได้ 2 คน ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น
มีเกียรติบัตรให้คุณครู และนักเรียนที่เข้าร่วมทุกคน
พร้อมมีหนังสือนำส่งทางโรงเรียนให้คุณครูที่ต้องการ
พลาดไม่ได้แล้ว มาเจอกันเยอะ ๆ น้าาาา
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!