ในตอนแรก ผมเล่นแฟ้มคดีปริศนาในคาบเรียนเพื่อกระตุ้นผู้เรียนให้สนใจการเรียนกฎหมายในชีวิตประจำวันเป็นคาบเสริม จนกระทั่งต้องมาทำกิจกรรมตอบปัญหากฎหมายเนื่องในวันรพี จึงมีความกังวลว่า นอกจากการแข่งตอบปัญหาด้วยกาสอบหรือการกดกริ่งตอบคำถาม จะทำอย่างไรได้บ้างให้นักเรียนสนใจมาร่วมกิจกรรม จึงได้ทุ่มเทเก็บเคสข้อมูลคดีต่างๆในโลก และสื่อต่างๆมาดัดแปลงเป็นแฟ้มคดีปริศนาและ นำมาเล่นในรูปแบบละครเวที ให้นักเรียนที่เข้าร่วมแข่งขันตอบปัญหากฎหมายมาไขคดี ในรอบสุดท้าย ซึ่งผลตอบรับที่ได้คือ มีนักเรียนพยายามศึกษา เตรียมตัว อ่านกฎหมายจำนวนมากขึ้น เพื่อจะพยายามสอบผ่านเข้ารอบมาเล่นกิจกรรมให้ได้ และทำให้กิจกรรมตอบปัญหากฎหมายได้รับความสนใจอย่างล้มหลาม

เริ่มด้วยการแสดงในส่วนของเนื้อเรื่อง คดีปริศนา ที่จะนำไปสู่การไขคดี โดยจะให้นักเรียนที่เป็นทีมงานหรือคณะครูเป็นผู้แสดงก็ได้

เมื่อการแสดงเนื้อเรื่องจบลงแล้วจะโยงเข้าสู่ผู้ต้องสงสัยทั้ง 4 คน

โดยผู้ดำเนินเกมจะบอกได้แค่ ชื่อกับ รายละเอียดผู้ต้องสงสัยพอสังเขป และให้นักเรียนที่เข้าร่วมแข่งขัน เลือกโหวตว่าจะฟังข้อมูลจากคนไหน

โดยลำดับการให้ฟังข้อมูล ขอให้ผู้ดำเนินเกมเรียงตามความเหมาะสม แต่ให้ฟังได้แค่ 3 ใน 4 คนเท่านั้น (ได้ข้อมูลไม่ครบทุกด้าน) ซึ่งตัวนักเรียนต้องคำนึงถึงโอกาสที่จะเลือกถามทุกคนยกเว้นคนร้ายตัวจริงไว้ด้วย

เมื่อฟังข้อมูลเสร็จแล้วจะเข้าช่วงหลักฐาน

หลักฐานสามารถให้ฟังได้ 3 ใน 4 ข้อเช่นเดียวกับ ผู้ต้องสงสัย

จากนั้นจะให้นักเรียนที่เข้าร่วมแข่งขันเป็นคู่ได้ปรึกษากัน วิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นใครที่ลงมือสังหารเหยื่อ(เวลาให้เป็นไปตามความเหมาะสม)

จากนั้นให้ส่งกระดาษคำตอบ ว่าใครเป็นผู้ฆ่า จากนั้นผู้ดำเนินเกมจะทำให้การถามให้ยกมือว่าแต่ละทีมเลือกใคร เพื่อจะสอบถามแนวความคิดการให้เหตุผล การวิเคราะห์สังเคราะห์ข้อมูลมาตอบอีกที

แล้วจึงเฉลย

นักเรียนให้การตอบรับเข้าร่วมกิจกรรม มีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก คดีมีความยากและง่ายต่างกันไป และมีนักเรียนให้ความสนใจกับกิจกรรมแข่งขันตอบปัญหากฎหมายมากขึ้น และต่างพยายามเพื่อเข้ามาให้ถึงรอบสุดท้าย

ควรนำไปใช้ในงานกิจกรรมโรงเรียนเชิงสังคม และมีการแจ้งเตือนนักเรียนถึง Tricker Warning ภาพความรุนแรงในการแสดง หรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และชี้ให้เห็นว่าในปัจจุบันเรามีเทคโนโลยีทางนิติวิทยาศาสตร์ในการสืบหาคนร้ายได้มากมาย และร่วมกันสอนนักเรียนถึงการเลือกแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน