inskru

ฝึกเด็ก ๆ รู้จักและจัดการอารมณ์ได้ง่าย ๆ จากการเล่น

3
0
ภาพประกอบไอเดีย ฝึกเด็ก ๆ รู้จักและจัดการอารมณ์ได้ง่าย ๆ จากการเล่น

ระหว่างที่เด็ก ๆ กำลังเล่นอยู่ หลาย ๆ ครั้งผู้ใหญ่อย่างเราคงเคยเห็น เด็ก ๆ ที่แสดงอารมณ์ออกมามากมายหลายแบบ บางคนก็โวยวาย เหวี่ยง ฉุนเฉียว บางคนก็นั่งจ๋อย เศร้าซึม เป็นสารพัดอารมณ์ที่เราไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวยังไงดี แต่บอกได้เลยว่านี่คือโอกาสอันดีที่ผู้ใหญ่อย่างเราช่วยซัพพอร์ตให้เด็ก ๆ เรียนรู้และจัดการอารมณ์ตัวเองได้นะ

นี่จึงเป็นที่มาของการร่วมมือกันจัด Live นี้มีที่ปรึกษา : อารมณ์ไหนซ่อนอยู่ในการเล่น เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2567 เพื่อหาวิธีหยิบยก “การเล่น” เรื่องง่าย ๆ ใกล้ตัว ที่เด็กทำเป็นประจำ มาถอดบทเรียน สร้างช่วงเวลาอันเหมาะสมในการสร้างการเรียนรู้ที่มีความหมาย (Teachable Moment) ให้คุณครูได้เสริมสร้างการจัดการอารมณ์ตัวเองกับเด็กนักเรียนของเราเรียนรู้กันอย่างเป็นธรรมชาติในทุกครั้งที่เล่น โดย Live ครั้งนี้ ได้มีหมอโอ๋ - พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร จากเพจเลี้ยงลูกนอกบ้านมาแบ่งปันประสบการณ์ตรงที่เคยเจอ และทริควิธีรับมืออย่างวิธี “Safe ที่ CUT” และวิธี “5A” ให้คุณครูและผู้ปกครองเลือกใช้เพื่อจัดการกันได้อย่างสร้างสรรค์ และร่วมดำเนินรายการโดย โด้ - เวธน์ มโนจุรีหกุล Content Creator จากเพจ insKru - พื้นที่แบ่งปันไอเดียการสอน สามารถดูไลฟ์แบบเต็ม ๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/100068429601126/videos/1027473395628676

หมอโอ๋ได้เริ่มเล่าพื้นหลังของการทำเพจกับเราว่า ถึงจะเริ่มต้นทำเพจหลังมีลูกแต่แรงบันดาลใจในการทำเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนจะมีลูกเสียอีก หมอโอ๋อินเรื่องนี้มากเพราะได้เจอเข้ากับ Positive Parenting ซึ่งสามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ทางสมองตั้งแต่เรียนอยู่ที่อเมริกา ในตอนนั้นวิธีการเลี้ยงดูแบบ Positive Parenting ดูแตกต่างจากความเชื่อเดิม ๆ ในสังคมอย่างการ “เลี้ยงวัวให้ผูกเลี้ยงลูกให้ตี” เลยอยากกลับมาเพื่อบอกเล่าเรื่องนี้ต่อไป ด้วยความที่เป็นหมอดูแลวัยรุ่นก็มักจะพบว่าหลาย ๆ ความท้าทายที่เกิดขึ้น ก็สามารถปรับแก้ได้ตั้งแต่การเลี้ยงดูในตอนเป็นเด็กนั่นเอง

“ตอนนี้สังคมยังตระหนักรู้ถึงอารมณ์ไม่ดีพอ”

หมอโอ๋พบว่าในสังคมไทย ยังไม่ได้มีการพูดถึงหรือต้อนรับความเข้าใจอารมณ์เท่าที่ควร หลาย ๆ ครั้งที่คุณหมอถามพ่อแม่ คำตอบที่ได้กลับมามักเป็นความคิดที่ไม่ใช่อารมณ์

คุณหมอถามขึ้นมาว่า “ถ้าพูดถึงรถติด เรานึกถึงอะไร ? ” คำตอบที่พบบ่อยคือ “เซ็ง เบื่อ อยากกลับบ้าน หิว ไม่ชอบเลย หงุดหงิด” ความเบื่อ ความเซ็งที่ตอบมาคืออารมณ์ แต่ความอยากกลับบ้านเร็ว ๆ สิ่งนี้ไม่ใช่อารมณ์ 


“ขนาดผู้ใหญ่ยังแยกอารมณ์ออกจากความรู้สึก หรือความคิดได้ยากอยู่เลย เพราะมันนามธรรมมาก”  

มากไปกว่านั้น สังคมเรามักไม่ค่อยมองอารมณ์เป็นเรื่องที่ธรรมชาติ ไม่ได้เปิดรับกับอารมณ์ทุกชนิด ส่วนมากแล้วผู้ใหญ่จะชื่นชอบอารมณ์บวก มีความสุข ร่าเริง สนุกสนาน แต่เลือกปฏิเสธอารมณ์ลบออกไป ทั้ง ๆ ที่อารมณ์โกรธ อารมณ์อิจฉา ก็เป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันเราเหมือนกัน เป็นการสื่อสารให้เราเข้าใจตัวเอง ว่ากำลังต้องการอะไร รู้สึก เผชิญหน้ากับอะไรอยู่


“อะไรที่เราไม่รู้จัก เราจะจัดการยาก อารมณ์ก็เช่นกัน”

ขนาดผู้ใหญ่ที่ดูจะจัดการควบคุมตัวเองได้ประมาณนึงแล้ว บางครั้งก็ยังจัดการการกระทำของตัวเองไม่ได้เลย เพราะมันมีผลโดยตรงมาจากการที่เรารับรู้อารมณ์ตัวเองได้ไม่ดีพอ ยิ่งไปกว่านั้นบางครั้งเราส่งต่อให้เด็ก ๆ โดยไม่รู้ตัวด้วย ลองนึกภาพเด็กเล่นของเล่นอยู่แล้วโดนแย่งของไปจากมือ โกรธใหญ่เลย ผู้ใหญ่คงรีบเข้าไปเพื่อบอกว่า “ไม่เอา ๆ ไม่โกรธเพื่อนนะ ไปเล่นอย่างอื่น ๆ” แต่เด็ก ๆ ยังไม่ทันได้เข้าใจเลยว่าตอนนี้เกิดอารมณ์อะไรขึ้นมา และเขาจะจัดการอะไรยังไงได้บ้าง แต่ตอนนี้เขาได้รับรู้แค่ว่าต้องไม่โกรธนะ

แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเข้าใจกับความรู้สึก และยอมรับกับความรู้สึกนั้น ๆ ได้ นี่คือวิธีการที่จะจัดการการกระทำของตัวเองได้ “หนูกำลังโกรธอยู่ใช่มั้ย เพราะเพื่อนหยิบไปโดยไม่บอก” เราอาจถามต่อได้ว่า “แล้วเราจะจัดการยังไงดีนะ” คำถามตรงนี้แหละที่ทำให้เด็ก ๆ ได้คิดต่อ 

หมอโอ๋อธิบายเพิ่มเติมว่า “ความโกรธมันเกิดขึ้นเพื่อส่งสัญญาณว่า เราต้องการความเคารพจากเพื่อน ไม่ให้อยู่ ๆ ก็เเย่งของไป” เมื่อวิเคราะห์จนเจอสาเหตุแบบนี้แล้ว เราจะเลือกวิธีการได้ เช่น บอกเพื่อนตรง ๆ ว่า “ไม่ได้นะ อันนี้เราอยากเล่น มาขอก่อนสิ” จะเห็นได้ว่าวิธีการที่เกิดขึ้น แก้ปัญหาได้ตรงจุดโดยไม่ขัดแย้งกับความรู้สึกภายใน และไม่ได้เป็นการบังคับ หรือถูกสั่งจากผู้ใหญ่ จากความเข้าใจตรงนี้นั่นเอง


อารมณ์ คือผลจากความรู้สึก ความต้องการเบื้องลึกของเรา

อารมณ์ลบ เกิดจาก ความต้องการเบื้องลึกที่ไม่ถูกตอบสนอง (Unmet Needs)


ในมุมของเด็กแล้ว เด็กมีประสบการณ์น้อยกว่าผู้ใหญ่อีก หมอโอ๋บอกว่า อารมณ์คืออารมณ์เหมือนกัน แต่ความโกรธของเเต่ละคนอาจถูกกระตุ้น (trigger) ได้ง่าย-ยากต่างกัน บางเรื่องผู้ใหญ่คงไม่โกรธเเล้ว เเต่กับเรื่องนี้เด็ก ๆ ยังโกรธอยู่ เป็นต้น สมองส่วนที่กำกับอารมณ์ (สมองส่วนหน้า) ทำให้ผู้ใหญ่กำกับอารมณ์ แสดงออกได้ดีกว่า เราจึงไม่ควรเอามาตรวัดของตัวเองไปกำหนดความรู้สึกของเด็ก ๆ เพราะนั้นคือการบังคับ ให้เด็กแสดงออกในแบบที่ไม่ใช่สิ่งที่เขารู้สึกจริง ๆ และเราต้องเคารพอารมณ์ความรู้สึกของเขาด้วยเช่นกัน


“แต่เมื่อมีอารมณ์เกิดขึ้นแล้ว เด็ก ๆ มักจะแสดงออกที่ไม่ควรออกมาด้วยเสมอเลย

ผู้ใหญ่ควรรับมือยังไงบ้าง”

หมอโอ๋เสนอว่า ต้องเริ่มจากการเข้าใจธรรมชาติของเด็กก่อน สมองส่วนอารมณ์ยังไม่เติบโตจนเต็มที่ จะเติบโตจริง ๆ ก็ 25 พอดี เราต้องเข้าใจว่าเด็กที่เราเห็นตรงหน้าก็พยายามเต็มที่ ตามศักยภาพของสมองของเขาแล้ว การเข้าใจตรงนี้ทำให้เราสงบตัวเองได้ง่ายขึ้น และคาดหวังน้อยลง ไม่คิดเเล้วว่า “เรื่องเเค่นี้ทำไมต้องโวยวายด้วย คือเขาทำได้เเค่นี้จริง ๆ”

อีกเรื่องที่อยากย้ำไว้คือ เด็ก ๆ จะใช้ช่วงเวลาตอนเป็นเด็กในการแสดงออก และเรียนรู้วิธีการจัดการควบคุมอารมณ์ยังไง นี่คือหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่ช่วยพวกเขาได้ ไม่ต้องรีบไปกำกับ หรือลงโทษ เรียนรู้ไปพร้อมกับเขาเลยว่า เขากำลังรู้สึกอะไร ลึก ๆ แล้วเค้าต้องการอะไร ต้องทำอย่างไรถึงจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้น 

หลักการของหมอโอ๋คือการ Safe ที่ CUT 

เซฟทั้งตัวเด็ก เซฟทั้งตัวครู หรือผู้ปกครอง ด้วยวิธี C U T 

C - Connect เป็นการเชื่อมความรู้สึก เริ่มกับตัวเองก่อนเลย สมมุติเห็นเด็ก เห็นลูกกำลังร้องไห้ งอแงอยู่ รีบกลับมาที่ความรู้สึกข้างในของตัวเองก่อนว่า เรากำลังรู้สึกอะไรอยู่นะ “โกรธมั้ย ? เครียดมั้ย ?” เมื่อเข้าใจแล้วลองหายใจลึก ๆ เพื่อไปสั่งการสมองว่าเหตุการณ์ที่อยู่ข้างหน้าปกติมาก ๆ เรายังสบาย ๆ ช่วยให้เราสงบลง แล้วค่อยเข้าไปเชื่อมกับอารมณ์ความรู้สึกของเด็ก เข้าไปถาม ไปสะท้อนความรู้สึกตรงนี้ โดยไม่รีบสั่งสอน หรือ กำชับ


อ่านถึงตรงนี้แล้วคนอ่านน่าจะมีคำถามเหมือนกันคือ

“สมมุติเด็กร้องกลางห้างเลย เราควรไปเชื่อมความรู้สึกเลย หรือต้องไปจัดการให้เด็ก ๆ หยุดร้องก่อนมั้ยนะ ?”

หมอโอ๋จึงตอบว่า จริง ๆ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้ากำลังรบกวนพื้นที่สาธารณะของคนอื่น เราก็ควรเข้าไป แต่ในที่นี้หมอไม่ใช้คำว่า “เข้าไปหยุด” เนื่องจากการระบายอารมณ์ก็เป็นรูปแบบหนึ่งทางธรรมชาติ แต่เราจะ “เข้าไปช่วย” เข้าไปทำให้เขาสงบใจได้ง่ายขึ้น เสนอทางเลือกใหม่ให้เขาแทน เช่น “ตรงนี้กลางห้างคนเดินเยอะมากเลย ไปร้องที่ห้องน้ำ ไปร้องบนรถแทนได้มั้ย” ประเด็นคือทำให้เห็นว่าการจัดการอารมณ์นั้นมีทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพใจอยู่นะ แต่ต้องเลือกที่ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ทำร้ายใคร แล้วก็ไม่เดือดร้อนคนรอบตัวด้วย


U - Understand  ทำความเข้าใจ ว่าอารมณ์เกิดขึ้นเพื่อปกป้องความต้องการบางอย่างในตัว เช่น “หนูกลัวเพราะหนูอยากรู้สึกปลอดภัย” สิ่งที่เราควรชวนคิดต่อคือ “แล้วอะไรทำให้หนูกลัว ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยล่ะ ?” เพื่อช่วยกันหาความต้องการเบื้องลึกร่วมกับเด็ก ๆ 


T - Teaching เมื่อรู้สึกยังงี้ เราทำอะไรได้บ้าง นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่จะสอนแบบนี้ ดีกว่าการห้ามว่าอย่าโกรธ อย่าร้องเสียอีก เขาจะได้จัดการตัวเองเป็น ตัวอย่างเช่น เด็กเขาโกรธมากเลย อยากจะปารีโมท เราอาจจะเข้าไปบอกว่า “รีโมทปาไม่ได้ลูก ถ้าอยากจะปาอะไรสักอย่าง ปาลูกบอลเเทนได้มั้ย โยนเจ้าความโกรธออกไป หรือพูดว่าเรากำลังโกรธอยู่นะ ไปบอกกับเพื่อนว่าอยากให้เอาของเล่นคืนมา การพูดได้ขนาดนี้ ความโกรธจะเบาบางไปเยอะมากเเล้ว” 

เวลาที่เด็ก ๆ กำลังร้องไห้ มีอารมณ์ เขากำลังใช้สมองส่วนอารมณ์อยู่ การเข้าไปพูดด้วยเหตุผล เช่น “อันนี้หล่นพื้นไม่ต้องร้อง เดี๋ยวเอาอันใหม่ ๆ” เด็ก ๆ ยังไม่รับฟังตอนนั้นหรอก เราสื่อสารกับเขาได้เเค่ภาษาอารมณ์ “กำลังโกรธอยู่ใช่มั้ย รู้สึกอะไรอยู่ ?” แล้วปล่อยให้เขาจัดการอารมณ์ได้ก่อน การสั่งสอน พูดด้วยเหตุผลถึงจะมีประโยชน์ตามมา ตอนนั้นเขาจะพร้อมที่จะฟังเต็มที่


“การปาของอย่างอื่น ถึงจะไม่ใช่รีโมทก็ตาม จะไม่ได้เป็นการเสริมแรงสิ่งที่เป็นด้านลบเหรอครับ ?” 

หมอโอ๋บอกว่า สิ่งที่เราทำไม่ได้ให้โฟกัสที่การปา เราโฟกัสที่การแสดงออกอารมณ์เชิงลบออกมาสักอย่าง ลองนึกดูว่าถ้าน้ำกำลังเดือดอยู่ในกา แต่เราไม่ปล่อยให้ไอน้ำออกมาเลย ถึงจุดหนึ่งกาก็จะระเบิด มนุษย์จึงควรต้องค่อย ๆ ระบายอารมณ์ลบออกมา จริง ๆ ทำได้หลายอย่าง แค่ต้องไม่ทำร้ายคนอื่น ไม่ทำร้ายตัวเอง และไม่ทำร้ายข้าวของ อย่างที่บอกไป เลือกวิธีที่เฮลตี้ให้เขาก่อน บางคนไม่เก่งพอที่จะหายใจแล้วจัดการตัวเองได้เลย เมื่อเก่งขึ้นแล้ว เขาอาจจะมีวิธีที่ดีขึ้นก็ได้ เช่น กำแบมือ / ขีด ๆ เขียน ๆ บนกระดาษ 

“แต่ผู้ใหญ่อย่างเรามักไม่ค่อยได้เห็นทางเลือกพวกนี้ เพราะสังคมเราปิดกั้นการแสดงออก

และไม่มีการเสนอตัวเลือกอื่น นอกจากริบวิธีการในการจัดการตัวเองที่เขามีอยู่ไป”

การเข้าใจและยอมรับอารมณ์ ต้องผ่านการฝึกจากช่วงเวลาต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เรามักเรียกช่วงเวลานี่ว่า “Teachable Moment” ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองที่จะได้สำรวจความขัดแย้งที่เกิดข้างในลึก ๆ ของตัวเด็ก ซึ่งอาจจะซับซ้อนกว่าที่เราเห็นได้อีก อย่างความรู้สึกแบบที่ “เรารู้สึกโกรธ แต่เราไม่ชอบนะที่เรารู้สึกโกรธ” อะไรแบบนี้ก็คือความซับซ้อนทางอารมณ์ที่ถมทับคน ๆ หนึ่งเข้าไปอีก หากไม่ได้ทำความเข้าใจ หรือยอมรับเลย คน ๆ นั้น จะจดจ่ออยู่กับความรู้สึกแย่ที่เขาไม่เข้าใจและหาทางออกไม่ได้ 


ตรงนี้มีหลักการง่าย ๆ ที่ช่วยได้อยู่ 5 ขั้นด้วยกัน เรียกว่า 5A 

Aware - รับรู้ว่ากำลังรู้สึกแบบนี้อย่างตรงไปตรงมา

Accept - ยอมรับว่าอารมณ์เเบบนี้เป็นเรื่องธรรมดา ที่เกิดขึ้นได้ 

Acknoweledge - รู้ว่าอารมณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นเพราะอะไร

Appreciate - ยินดีที่อารมณ์ต่าง ๆ นี้เกิดขึ้นเพื่อช่วยเรา

Action - เข้าใจตัวเองว่าเบื้องลึกแล้วต้องการอะไร แล้วเราต้องทำยังไงดี


การได้ค่อย ๆ คิดตรงนี้ มันช่วยให้เราเข้าถึงความเป็นมนุษย์ได้มากยิ่งขึ้น และจัดการอารมณ์ได้ดีขึ้นด้วย แต่ถ้าจะนำไปใช้กับเด็ก ๆ อาจต้องเลือกเป็นกลุ่มเด็กโตหน่อย จะได้ไตร่ตรองขั้นตอนเหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง


ไม่ว่าอะไรจะดีไม่ดี เราสามารถหยิบมาใช้เป็น Teachable Moment ได้หมดเลย

และนั่นรวมถึงการเล่นด้วย

การเล่นที่เกิดขึ้น ยังไงเด็ก ๆ ต้องมีอารมณ์อยู่เเล้ว ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์ในเชิงบวกที่ดีใจ สนุก เราก็สามารถเข้าไปคุยให้พวกเขาเข้าใจคำศัพท์ทางอารมณ์ หนูกำลังภูมืใจใช่มั้ยลูกที่วิ่งเข้าเส้นชัยได้คนแรก หนูกำลังตื่นเต้นใช่มั้ยที่ต่อตัวต่อสูงมากเลยแล้วยังไม่ล้ม เขาจะแจกแจง และลงรายละเอียดกับอารมณ์ได้ดีขึ้น 

ในขณะที่อารมณ์เชิงลบ เราก็เข้าไปให้เด็ก ๆ สะท้อนคิดออกมาได้เช่นกัน หนูเสียใจที่ตัวต่อมันล้มลงมาใช่มั้ย แล้วจะทำยังไงต่อ ได้เห็นทางเลือกต่าง ๆ ของเขาเอง

เขาเสียใจอยากเลิก ก็ไม่ผิด เขาอาจลองมาเยอะแล้วจริง ๆ จนรู้สึกว่าพอแล้วก็ได้ บางเรื่องในชีวิตเราก็ไม่ต้องทนขนาดนั้น หรือเขาอาจรู้สึกเสียใจ แต่อยากเอาใหม่ ก็ทำได้ เป็นการมองเพื่อท้าทายตัวเอง อยากทำให้สำเร็จ ทางเลือกเหล่านี้สำคัญมาก ๆ เพราะนี่คือการทดลองของเขา


ให้เด็ก ๆ ใช้เวลาตรงนี้ในการคิด และรับมืออารมณ์ของตัวเองอย่างอิสระ 

“การเล่น” จึงเป็นช่วงเวลาที่ทำสิ่งเหล่านี้ได้และเกิดขึ้นอยู่บ่อย ๆ เกือบจะเป็นประจำทุกวันเลย

เด็ก ๆ จะได้ประโยชน์จากการเรียนรู้อารมณ์เหล่านี้อย่างเป็นประจำแน่นอน

ไฟล์ที่แบ่งปัน

    อนุบาลประถมโฮมรูมการจัดการชั้นเรียนเกมและกิจกรรม

    ไอเดียนี้เป็นไงบ้าง?

    3
    ได้แรงบันดาลใจ
    0
    ลงไอเดียอีกน้า~
    avatar-frame
    แบ่งปันโดย
    insinsKru
    insKru Official Account เราจะคอยผลักดันและเชิญชวนคุณครูมาร่วมสร้างสรรค์ไอเดียการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยต่อไป

    อยากร่วมแลกเปลี่ยน?

    please login

    แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru

    เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย

    icon-please-commentมาเป็นคนแรกที่แลกเปลี่ยนสิ!
    credit idea

    ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
    บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!

    ไอเดียน่าอ่านต่อ