inskru

5 วิธีจุดประกายให้เด็ก ๆ รักการอ่าน ผ่านการเป็นนักเล่าเรื่อง

4
0
ภาพประกอบไอเดีย 5 วิธีจุดประกายให้เด็ก ๆ รักการอ่าน ผ่านการเป็นนักเล่าเรื่อง

ทุกวันนี้ความอยากอ่านจำนวนไม่น้อย หล่นหายไประหว่างการเขียนและการตรวจบันทึกของทั้งนักเรียนและคุณครู

เมื่อการอ่านกลายเป็น “งานหนัก” ความรู้สึกรักในการอ่านก็ดูเป็นเรื่องยากที่จะเกิด

แต่ “โรงแรมครีม” หรือ CREAM Bangkok ที่ insKru เดินทางไปนั่งคุยเล่นกับคุณนิดนกและครูใบปอ

ทำให้เราเห็นว่าพื้นที่เล็ก ๆ ที่ชวนเด็ก ๆ สนุกไปในโลกหนังสือมีอยู่จริง


นี่คือ 5 จุดเล็ก ๆ ที่เราอยากจะแบ่งปันให้คุณครูทุกคนทำให้เด็ก “รักการอ่าน” ได้ง่าย ๆ

ไม่อึดอัดอีกต่อไปในห้องเรียนของตัวเอง เป็นยังไงบ้างไปดูกัน !

จุดความเป็นอิสระในการอ่าน

ขนาดโตแล้ว เรายังไม่ชอบให้แม่มาบังคับเราล้างจานเลย อ่านหนังสือก็เหมือนกันนะ ความรู้สึกเป็นอิสระ เลือกได้ว่าจะทำ - ไม่ทำนี่แหละ ที่จะไม่ไปช็อตฟีลความรู้สึกอยากอ่านของเด็ก ๆ

คุณครูสามารถเปิดโอกาสออกแบบลิสต์หนังสือ ให้เด็ก ๆ ได้เลือกหนังสือที่อยากอ่านครึ่งนึง กับหนังสือที่คุณครูอยากให้ได้อ่านอีกครึ่งนึง สิ่งสำคัญคือ บทสนทนาที่จะเกิดหลังอ่านเสร็จนี่แหละ เราเปิดโอกาสให้เด็กๆบอกได้ว่าเขาชอบ ไม่ชอบหนังสือที่อยู่ในลิสต์ของเราเพราะอะไร หรือเมื่อคุณครูและนักเรียนอ่านทั้งคู่แล้ว น่าจะมีมุมมอง มิติต่างๆที่แตกต่างกัน และน่าสนใจให้แลกเปลี่ยนอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ยังสามารถแสดงออกให้เห็นถึง “สิทธิ์การอ่าน” (rights to read) ที่ไม่ต้องกดดันว่า กองดองเป็นสิ่งที่ไม่ดี หรือการอ่านหนังสือจนจบช้ากว่าคนอื่นคือไม่ขยัน มาลบภาพความผิดบาป ทั้ง ๆ ที่เขาตั้งใจอ่าน อย่างน้อยการอ่านไม่จบ ก็ยังดีที่เด็ก ๆ รู้ตัวว่าอ่านไม่ไหว ไม่ชอบ


จุดประกายคนที่จะสนุกกับการอ่านไปด้วยกัน

เมื่อเด็ก ๆ รู้สึกว่าการอ่านเป็นสิ่งที่สบาย ๆ เป็นอิสระกว่าที่ผ่านมา เขาจะกำลังมองหาเพื่อนที่จะสนุกกับการอ่านไปด้วยกัน คุณครูสามารถช่วยได้โดยการ “รีแอค” ด้วยความสนุกสนานผ่านน้ำเสียงและสายตาที่อยากรู้ พร้อมถามเด็ก ๆ ว่า “ยังไงต่อ” “อยากฟังอีกจัง” เด็ก ๆ ก็จะอยากเล่าเรื่องที่ได้เจอ ได้อ่านมาให้เราฟังเพิ่ม

รีแอคที่เกิดขึ้นนี่ ยังสามารถต่อไปได้ถึง “บันทึกรักการอ่าน” ที่ทำให้เด็ก ๆ รู้สึกว่ามีคนรออ่านบันทึกที่เขาอุตส่าห์ทำได้ จากการเขียนโต้ตอบกัน คุณนิดนกเล่าให้ฟังว่า เคยเห็นเด็ก ๆ เขียนกลอนให้คุณครู แล้วคุณครูอ่านและโต้ตอบด้วยกลบทกลับไป เมื่อเด็ก ๆ รู้ว่ามีคนสนใจ ใส่ใจ โต้ตอบในการอ่านเเล้ว เขาก็จะอยากอ่านมากขึ้นอย่างแน่นอน ”นี่คือการเขียน reflect ให้แก่กัน ไม่ใช่การตรวจงานนะ“

อย่างน้อยที่สุดคุณครูสามารถช่วยได้โดยการเสนอตัว เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ช่วยจุดประกายนักเรียนจากเรื่องราว หรือหนังสือที่ตัวเองอ่าน เมื่อได้แบ่งปันแล้ว เด็ก ๆ ถึงจะสบายใจที่จะค่อย ๆ เผยสิ่งที่ชอบอ่านออกมา เพราะรู้แล้วว่ายังไง ฉันก็มีพวกเป็นคุณครูที่สนใจการอ่านนั่นเอง

จุดความรู้สึกเป็นเจ้าของเรื่องราวที่ชอบ

ความรู้สึกว่าตัวเองก็สามารถจัดสรร เลือกสิ่งที่อยากอ่านได้ ยิ่งช่วยทำให้เขาเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ และอินกับการอ่านได้มากขึ้นด้วย ซึ่งคุณครูสามารถทำให้เด็ก ๆ รู้สึกแบบนี้ได้จากการมีมุมหนังสือในห้องเรียนของตัวเอง ให้เด็ก ๆ ได้พกหนังสือที่ตัวเองชอบ มาวางไว้ที่ชั้นคนละเล่ม เมื่อเพื่อน ๆ สนใจ แน่นอนเลยว่าเด็กๆจะออกมาทำหน้าที่บรรณารักษ์ อวดแง่มุม เนื้อหาของหนังสือตัวเองอย่างตั้งใจ

พอมีมุมหนังสือแล้ว คุณครูยังสามารถช่วยจุดประกายบทสนทนา ให้การอ่านเป็นเรื่องสนุก ๆ ไม่เครียดได้ เช่น สัปดาห์นี้จะเป็นธีมของหนังสือ เกี่ยวกับความรัก การจากลา ผี ให้เด็ก ๆ ได้หยิบเอาหนังสือที่เข้าธีมมาอวดกันก็ได้นะ สำหรับเด็กเล็กอาจจะเริ่มจากสิ่งง่ายๆ เช่น เลือกหนังสือที่หน้าปกสีชมพู หน้าปกมีรูปวงกลมก่อนก็ได้

หรือเมื่อเรารู้แล้วว่าเด็ก ๆ ชอบหนังสือแนวไหน เราก็สามารถเสนอหนังสือที่มีธีม หรือรูปแบบคล้าย ๆ กันก็ได้ มั่นใจเลยว่าเด็ก ๆ จะต้องอยากอ่านขึ้นมาอีกแน่นอน


จุดประกายความอยากเล่าเรื่องของตัวเองขึ้นมา

การอ่านหนังสือเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในการรับข้อมูล มุมมอง ความคิดเข้ามา การชวนเด็ก ๆ พลิกบทบาทเป็นนักเล่าเรื่อง จะเป็นการท้าทายให้เด็ก ๆ ออกตามหาข้อมูลใหม่ ๆ เข้ามา (input) เพื่อเล่า หรือ แสดงออกออกไป (output)  จากแค่การรักการอ่าน เด็ก ๆ ก็จะรู้สึกว่า รักในการเล่าเรื่อง และอยากอ่านเพื่อมีของในหัวมาใช้เล่าเรื่องไปเอง 

จากสมุดรักการอ่านแบบเดิม คุณครูอาจเปลี่ยนการจดบันทึก เป็นการเขียนโน้ต เขียนอะไรสนุก ๆ ที่ปิ๊งเเว้บจากการอ่านเรื่องเล่าต่าง ๆ นั้น เช่น โปสเตอร์วงดนตรีที่ตัวเอกชอบ แผนที่เมืองในเรื่องก็ย่อมทำได้เช่นเดียวกัน ถ้าเด็กรู้สึกอยากเขียนอันนั้น อยากเเปะอันนี้ในห้อง คุณครูก็เเค่ช่วยให้ไม่เลอะ ไม่เปรอะ ก็เพียงพอแล้ว

จุด จุด จุด อีกมากมายที่คุณครูสร้างสรรค์เองได้

นอกจากการจุดสิ่งต่าง ๆ รอบตัวเด็ก ๆ ให้เปลี่ยนไปอย่างที่เล่ามาแล้ว จริง ๆ ยังมีอีกมากมายที่คุณครูสามารถทำได้ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนในห้องให้แทรกซึมเนื้อหาจากในหนังสือที่เด็ก ๆ ชอบได้อย่างแนบเนียน ผ่านตัวละคร ผ่านเรื่องราวที่น่าสนใจ เพื่อไปยังกิจกรรมที่เตรียมไว้ และตรงกับเนื้อหาที่ต้องการสอนในที่สุด 

แถมคุณครูยังต่อยอดกิจกรรม เป็นช่วงพูดคุยตอนโฮมรูมตอนเช้าของแต่ละวัน หรือขยายต่อสู่กิจกรรมใหญ่ในโรงเรียน อย่างสัปดาห์รักการอ่านได้ ไม่น้อยหน้าสัปดาห์วิทยาศาสตร์ หรือสัปดาห์สุนทรภู่เลยนะ

หรือการจะเปลี่ยนผลลัพธ์ของงาน ให้ไม่ล็อกตัวเองกับแค่การทำแบบฝึกหัด ใบงาน คุณครูก็สามารถช่วยได้โดยการสร้างมุมเล็ก ๆ ในห้องเรียนที่มีกระดาษสี กรรไกร กาว สีไม้ ปากกาเมจิก เปิดอิสระให้นักเรียนหยิบของมาใช้ได้ทันทีที่อยากทำนู้นทำนี้ขึ้นมา

















ถ้าได้ทำวิธีเหล่านี้แล้ว มั่นใจได้เลยว่าเด็ก ๆ จะรักในการอ่านขึ้นมาเอง โดยที่เราไม่ต้องคาดคั้นให้ทำงาน หรือตามบ่นจนปากเปียกปากแฉะ

แถมพวกเขายังเห็นความสำคัญ คุณค่า ของการอ่านขึ้นมาเองอีกด้วยน้า 

ใครมีวิธีดี ๆ ที่ช่วยส่งเสริมการรักการอ่าน และรักการเล่าเรื่องอีก อย่าลืมไปเขียนไอเดียกันที่ inskru.com ได้เลยจ้า

เทคโนโลยีการสอนเกมและกิจกรรม

ไอเดียนี้เป็นไงบ้าง?

4
ได้แรงบันดาลใจ
0
ลงไอเดียอีกน้า~
avatar-frame
แบ่งปันโดย
insinsKru
insKru Official Account เราจะคอยผลักดันและเชิญชวนคุณครูมาร่วมสร้างสรรค์ไอเดียการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยต่อไป

อยากร่วมแลกเปลี่ยน?

please login

แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru

เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย

icon-please-commentมาเป็นคนแรกที่แลกเปลี่ยนสิ!
credit idea

ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!

ไอเดียน่าอ่านต่อ