เมื่อเราเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์
ในปัจจุบันธุรกิจการพิมพ์ดูเป็นสิ่งที่ Out Trend ไปแล้ว
เพราะทุกวันนี้ทุกคนอ่านผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กันแทบจะ 100% แต่เนื่องด้วยในรายวิชานี้ นัก (อยาก)
เขียนทุกคนตัดสินใจร่วมกันตั้งแต่คาบแรกว่า เราจะตัดสินใจตีพิมพ์งานของเราออกมาเป็นเล่ม
ไม่ง่ายกับการที่จะต้องทำทุกอย่างออกมาเป็นรูปเล่ม
แต่เมื่อทุกคนตัดสินใจแล้วเราก็ต้องเคารพการตัดสินใจ เพราะในคาบเรียนนี้ครูผู้สอนก็มีอำนาจในการตัดสินใจที่เท่าเทียมกับนักเรียน
ฉะนั้นหลังจากที่เราเริ่มลงมือเขียน - วิจารณ์ – แก้ไข – นำเสนอ และได้ผลงานเขียนที่ทุกคน“พึงพอใจ” กันแล้วก็มาศู่ขั้นตอนของการทำรูปเล่ม
------------------------------------------------
“เราจะตีพิมพ์กันกี่เล่มดี”
“สัก 100 เล่มไหม แจกทุกคนในโรงเรียน”
"นัก (อยาก) เขียนทุกคนคิดกราคาค่าต้นฉบับของตัวเองเท่าไหร่"
"คนละ 1000 บาทค่ะ / ครับ"
นักเรียนยิ้มกว้าง
ในความเป็นจริงแล้วด้วยปริมาณนักเรียนประมาณ 720 คน
หากจะตีพิมพ์เป็นจำนวน 100 เล่มก็ดูเป็นตัวเลขที่สมเหตุสมผลดี
แต่นั่นเพราะนักเรียนคิดแต่ในแง่มุมของผู้ “อยากนำเสนอ”
แต่ไม่มีตัวเลขในมุมมองของผู้ผลิต และผู้ลงทุนผลิตผลงาน
และนั่นคือบทบาทที่ "ครูต้องสอน"
“เรื่องสั้นของเราทั้งหมด 24 คน รวมแล้วได้ 200 หน้า”
“ปริ้นต์ 100 ชุด แบบ Booklet (1 แผ่นได้ 4 หน้า) คือหนึ่งเล่มจะใช้กระดาษ
25 แผ่น พิมพ์ 100 เล่มใช้กระดาษ 2500 แผ่นนะ”
“ค่าตีพิมพ์ขาวดำหน้าละ 1 บาท = ต้นทุนเล่มละ 25 บาท
นัก (อยาก) เขียนตั้งต้นทุนผลงานของเราไว้ที่เล่มละเท่าไหร่”
“ทั้งนี้อย่าลืมว่าเราตีราคางานเขียนของเราไว้ที่เท่าไหร่ด้วยนะ”
1000 บาท x 24 คน = 24,000 รวมกับต้นทุนค่าตีพิมพ์อีก 2500 บาท เป็น 26500 บาทนะครับ
นักเรียนหุบยิ้ม
------------------------------------------------
ในฐานะของคุณครูอาจฟังดูโหดร้ายที่ผมนำเสนอความเป็นจริงของโลกที่มีเรื่องของต้นทุน
แต่ผมเชื่อว่านักเรียนสมควรได้รู้ว่าทุกอย่างที่เขาคิด ตัดสินใจ มีต้นทุนทั้งสิ้นเพราะในความเป็นจริงผมอาจส่งพิมพ์ที่โรงพิมพ์ของโรงเรียนก็ได้
แต่สุดท้ายงานนั้นจะเป็นเพียงงานที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ที่ห้องพักของนักเรียนที่หยิบมันไปอย่างไม่รู้ค่าและสุดท้ายอาจไม่มีใครเปิดอ่านหนังสือที่พวกเรา...นัก (อยาก)เขียนทุกคนตั้งใจเขียนด้วยซ้ำ
หลังจากตัดสินใจและพูดคุยกันอยู่นานเราตกลงกันว่า เราจะทำออกมาเพียง 30 ชุดใช้กระดาษประมาณ 750 แผ่นรวมค่าหมึกดำและค่าเย็บเล่มก็จะมีต้นทุนตกเล่มละ 30 บาท ส่วนเรื่องราคาค่าต้นฉบับ เนื่องจากพวกเราเป็นนักอยากเขียนเท่านั้น จึงคิดค่าต้นฉบับเพียง 30 บาท
“ถ้าเช่นนั้นครูจะขอเหมาเป็นสำนักพิมพ์ให้ในเล่มแรก ค่าต้นฉบับ 30 บาท ครูขอจ่ายคืนเป็นฉบับตีพิมพ์คนละหนึ่งเล่มนะ"
----------------------------------------------
สรุปแล้วเราผลิตหนังสือรวมเรื่องสั้นเล่มแรกในฝีมือของพวกเรา นัก (อยาก) เขียน ที่แม้กระทั่งพวกเราเองก็ไม่รู้ว่าหน้าค่าตาของคนเขียนแต่เรารู้ว่าทุกคนในรายวิชานี้รักการเขียน และรักการอ่านไม่น้อยไปกว่ากันที่เพิ่มเติมขึ้นมาคือตอนนี้นักเรียนทุกคนรู้ถึงคุณค่าของงานเขียนตัวเองมากยิ่งขึ้น มันมีต้นทุนด้านของเวลา ความพยายาม หยาดน้ำตา ของทั้งฝ่ายนักเขียนและความพยายามที่จะผลิตงานออกมาให้มีคุณภาพดีที่สุดของฝ่ายการผลิตอย่างสำนักพิมพ์และสุดท้ายความพยายามทั้งหมดนั้นจะส่งต่อไปจนถึงผู้อ่าน
กระบวนการต่าง ๆ นี้จะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเราไม่สอนให้นักเรียนลองเปลี่ยนมุมมองมาอยู่ในฐานะของผู้สร้างเพราะตลอดมานักเรียนเคยชินกับการเป็นผู้รับ เขาได้รับความรู้ ได้รับความรักจากครูผู้สอน ฉะนั้นพอลองกลับมุมมองในมุมที่ว่าทุกอย่างมีต้นทุน ทำให้นักเรียนเข้าใจในบทบาทของทุกคนที่แวดล้อมมากยิ่งขึ้น
สุดท้ายหนังสือทั้ง 30 เล่มที่ผลิตมา ก็ถูกส่งมอบให้กับนัก (อยาก) เขียนทุกคนเป็นที่ระลึก รวมถึงตัวของตัวผมเองด้วยอีก 5 เล่มถูกส่งมอบให้แก่ผู้ที่ “อยาก” อ่านจริง ๆที่ได้อ่านแบบออนไลน์แล้วมาสอบถามว่ามีแบบเล่มให้จับจองหรือไม่ผมก็เลยให้ไปทั้งรอยยิ้ม และดีใจที่งานเขียนของพวกเราทุกคนมีคนสนใจอ่านจริงๆ
ตอนนี้จากครู > สู่บทบาทการเป็นนักอยากเขียน > สู่บทบาทของสำนักพิมพ์
ในหนึ่งรายวิชาที่เราสอนเราอาจเรียนรู้ควบคู่กันไปได้มากมาย และยังมีอีกหลายบทบาทที่รอการเรียนรู้
ตอนหน้าจะมาเขียนถึงการตัดสินใจที่ยากที่สุด คือ เมื่อคุณครูต้องเป็นกองบรรณาธิการครับ
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
หากได้แรงบันดาลใจจากไอเดียนี้เหมือนกัน
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!