กฎระเบียบเรื่องชุดไปรเวทที่ไม่แน่นอน ทำให้ทุกโรงเรียนเสาะหาแนวทางจัดการแบบใหม่ที่ได้ผล
ทันกับยุคสมัย และได้ความร่วมมือจากเด็กนักเรียน ผู้ปกครอง และคุณครูด้วยกันถ้วนหน้า
insKru เข้าใจความท้าทายนี้ของคุณครูเลยขออาสาต่อสายตรงหาคุณครูทีมพฤติกรรมนักเรียน จากโรงเรียน เลิร์น สาธิตพัฒนา
มาแบ่งปันแนวทางการวางกฎระเบียบชุดไปรเวท ที่ทุกคนพึงพอใจ และทำได้จริงในบทความนี้กัน
แนวทางการจัดการกฎระเบียบครั้งนี้ เริ่มมาจากการที่ยังไม่มีกฎ กติกาเป็นลายลักษณ์อักษรแต่แรก
ครูอ้อมและทีมงานกิจการนักเรียน จึงเริ่มโดยการทำงานให้ชัดเจน เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพตรงกันว่า
การแต่งกายชุดไปรเวทแบบไหนที่เหมาะสม ไม่ใช่แค่อ้างถึงสิทธิ์ในการใส่แล้วจบไป แต่ต้องคำนึงถึงสภาพในการเรียนรู้ด้วย
.
ในขณะเดียวกันความปลอดภัยจากการแต่งกาย และการอยู่ร่วมกันในสังคมก็เป็นมิติที่ต้องให้ความสำคัญด้วย
คุณครูจึงตั้งใจออกแบบกระบวนการที่จะได้รับฟังข้อมูลจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคุณครู นักเรียน หรือผู้ปกครอง
เพื่อทำงานร่วมกันผ่านเวิร์กช็อปออกมาเป็นร่างของกฎระเบียบ เพื่อทำประชามติให้นักเรียนและครูยอมรับร่วมกัน
และให้ผู้อำนวยการเซ็นอนุมัติต่อไป ไม่ต่างกับการตรากฎหมายในสังคมจริง ๆ เลย
ครูอ้อมบอกกับเราด้วยว่า “เรากําลังจะทําแบบร่างเงื่อนไขการแต่งชุดไปรเวทแบบเพศวิถี โดยตั้งใจจะทําให้กระบวนการทั้งหมดนี้
เป็นโปรโตไทป์ในการที่จะออกกฎระเบียบของโรงเรียน ฉบับที่นักเรียนเป็นคนทําเองในอนาคตต่อไป”
ครูอ้อมตั้งใจให้การทำกฎระเบียบครั้งนี้ เป็นการลงความเห็นร่วมกันระหว่างทุกฝ่าย
ไม่ว่าจะเป็นนักเรียน คุณครู หรือผู้ปกครอง จึงได้ออกแบบเวิร์กช็อปขึ้น โดยคัดเลือกตัวแทนจากแต่ละฝ่ายมาทำงานร่วมกัน
โดยเริ่มจากการทำความเข้าใจสิทธิ์และหน้าที่ชวนคิดพื้นฐานสิทธิ์ต่าง ๆ ที่นักเรียนเคยได้รับ
เช่น การเลือกตั้งกรรมการนักเรียน การได้เลื่อนวันส่งงาน ไปจนถึงการได้กำหนดกฎในห้องเรียนของตัวเอง
พร้อมทำความเข้าใจขอบเขตหน้าที่ในการเรียน ตามด้วยกิจกรรมมาตรวัดตน ยืนตามคำตอบ
ที่สะท้อนถึงความเป็นตัวเองที่สุดเพื่อเปิดโอกาสให้ได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
ก่อนที่จะมาสู่การเรียนรู้ในแต่ละช่วงวัยที่ต่างกัน ทำความเข้าใจ ความคิด ความเชื่อ ที่อยู่เบื้องหลัง
การกระทำของแต่ละ Generation ในรูปแบบของการสวมบทบาทสมมุติ (Roleplay)
เพื่อนำมาสู่ขั้นสุดท้าย ที่จะให้ทุกคนได้วาดภาพชุดไปรเวทในความคิดของตัวเองออกมา
แบบไหนที่เราอยากใส่ แบบไหนที่เราอยากเห็นคนอื่นใส่ และแบบไหนที่เราไม่อยากเห็นคนอื่นใส่มา
ตรงนี้จะช่วยให้เห็นภาพสิ่งที่ควรและไม่ควรทำ ในภาพรวมของสังคมโรงเรียนจากทุกฝ่ายได้ดี
และเป็นตัวตั้งต้นในการออกแบบกฎระเบียบ เพื่อทำประชามติให้คุณครูและนักเรียนเห็นชอบร่วมกันในที่สุด
กระบวนการทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าครูอ้อมไม่มีความเชื่อเบื้องหลังที่ว่า
“การกระทำของทุกคนมีเหตุผลลึก ๆ อยู่เบื้องหลังเสมอ เพียงแต่บางครั้งเด็ก ๆ อาจจะคิดไวไปจนไม่ได้ระวังผลที่ตามมา”
ซึ่งนั่นรวมถึงความท้าทายเรื่องการแต่งชุดไปรเวทด้วย บางคนอาจแต่งด้วยความรู้สึกมั่นใจ ดูดี โดยไม่ได้สนใจกฎระเบียบที่มี
คุณครูจึงมองว่ากฎระเบียบเองก็มีอีกหลากหลายโทน บางเรื่องที่ปล่อยไว้ไม่ได้ต้องลงโทษ ในขณะที่บางเรื่องที่พูดคุยด้วยเหตุผลกันแล้วเข้าใจกัน
ก็สามารถผ่อนเบาเพื่อให้โอกาสพวกเขาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเองต่อไปได้ ภายใต้การติดตามของครูอย่างเรา
คุณครูปิดท้ายการพูดคุยครั้งนี้ว่า จริง ๆ แล้ว เธอเองก็ไม่รู้ว่าเรื่องชุดไปรเวทนี้จะจบออกมาอย่างไร จะเห็นถึงชุดไปรเวทตรงกันมั้ย
หรือต้องหาวิธีแนวทางต่อไป แต่ทั้งหมดนี้ครูอ้อมยินดีมากที่ได้ทำ
“เพราะว่าเด็กโตขึ้นทุกวัน ความคิดในสังคมเองก็มีการเปลี่ยนแปลงทุกวันอยู่แล้ว”
ครูอ้อมเสริมว่า “รู้สึกวางใจ เพราะนักเรียนก็เป็นคนตัดสินใจกฎนี้ร่วมกันมา เมื่อบอกเองว่าจะทําก็ต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองให้ได้
อยากใช้โอกาสนี้ให้เด็กเป็นคนที่กล้าเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ และต้องกล้ากับการที่จะยอมรับผลที่ตามมา
เรียนรู้ที่จะรับผิดรับชอบให้ได้ด้วย สุดท้ายแล้วนี่คือสังคมที่เขาจะต้องออกไปอยู่”
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!