ไอเดียนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเกม Splendor (เกมค้าเพชร) ที่เป็นแนวเกมการวางแผนและบริหารทรัพยากร รวมไปถึงแข่งขันกับเพื่อนในกลุ่มเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนสูงสุด (หากท่านใดสนใจว่าเกมนี้คืออะไร เล่นยังไง รับชมทางลิงก์นี้ได้เลยครับ https://youtu.be/Mc8-4zA-nDw?si=DaSK4SN9xkwGH_OB)
การเล่นเกมนี้มันมีวิธีการเล่นหลายอย่างที่สามารถนำมาปรับใช้กับการเรียนวงจรไฟฟ้ากระแสตรงได้ เราก็เลยแปลงทรัพยากรที่นักเรียนต้องเก็บเป็นการ์ดตัวต้านทาน การ์ดสายไฟ และการ์ดแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งซื้อได้โดยใช้เหรียญหรือ Token แต่ถ้าเป็น Token ทั่วไปก็คงไม่น่าสนใจ เราก็เลยเอาชื่อธาตุในเคมีเป็นเหรียญ Token (เงินในเกม) แต่ละธาตุที่นำมาก็จะสามารถใช้ผลิตเป็นลวดตัวนำหรือแบตเตอรี่ได้ในชีวิตจริง
แล้วก็มีการปรับกติกาจากเกมต้นฉบับบางอย่าง เช่น เพิ่มระบบการ์ดตัวช่วยที่จะได้มาด้วยการตอบคำถามให้ถูกต้อง คำถามก็จะเกี่ยวข้องกับวงจรไฟฟ้ากระแสตรง
เป้าหมายของเกมนี้คืออยากให้นักเรียนได้ทบทวนและประมวลความรู้จากการเรียนเรื่องการวิเคราะห์วงจรไฟฟ้ากระแสตรงซึ่งประกอบด้วยตัวต้านทาน สายไฟ และแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ที่ประกอบด้วยปริมาณที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระแสไฟฟ้า ความต้านทานไฟฟ้า ความต่างศักย์ไฟฟ้า และอีเอ็มเอฟ
สุดท้ายก็อยากให้นักเรียนได้ลองสร้างวงจรไฟฟ้ากระแสตรงจากทรัพยากรที่ตัวเองรวบรวมได้มาแข่งกันภายใต้เงื่อนไขต่าง ๆ เช่น ใครสร้างวงจรไฟฟ้าแล้วได้ค่ากระแสไฟฟ้ารวมมากที่สุด คนนั้นจะได้คะแนนมากที่สุด ใครสร้างวงจรการต่อแบตเตอรี่แล้วได้อีเอ็มเอฟมากสุด คนนั้นจะได้คะแนนรวมมากที่สุด เป็นต้น
การเตรียมการก่อนเล่น
1) แบ่งผู้เล่นออกเป็น 5 คน
2) นำ Token ทั้งหมดออกมาวางแยกกองละ 1 สี โดย Token มีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่ ธาตุ Cu, Fe, Zn, Au, และ Ag ประเภทละ 8 เหรียญ
3) วางการ์ดอุปกรณ์ในวงจรไฟฟ้า ซึ่งมี 3 ชนิด ได้แก่ การ์ดแหล่งกำเนิดไฟฟ้า 16 ใบการ์ดสายไฟ 20 ใบ และการ์ดตัวต้านทาน 20 ใบ โดยคว่ำการ์ดไว้ด้านข้าง จากนั้นหงายการ์ดชนิดละ 4 ใบ ออกมาวางเรียงกัน
4) คว่ำการ์ด Problem จำนวน 20 ใบ ไว้กองกลาง
ข้อแนะนำก่อนให้นักเรียนลองเล่น
1) ครูควรจัดเตรียมอุปกรณ์และแสดงวิธีการวางการ์ด รวมถึงสาธิตการเล่นเบื้องต้นให้นักเรียนดูประกอบการอธิบาย เพราะกติกาและเงื่อนไขการเล่นค่อนข้างเยอะ ครั้งแรกที่ได้ทดลองนำไปให้นักเรียนห้องหนึ่งเล่น ตอนนั้นเราอธิบายอย่างเดียวโดยไม่ได้สาธิตการเล่นประกอบ ทำให้นักเรียนมีคำถามระหว่างเล่นเยอะพอสมควร นักเรียนก็จะเล่นแบบงง ๆ พอนำมาให้นักเรียนเล่นอีกห้องหนึ่ง เราก็ปรับโดยการอธิบายประกอบการสาธิตการเล่นเบื้องต้นไปด้วย ทำให้นักเรียนไม่ค่อยมีคำถามระหว่างการเล่น นักเรียนก็จะเล่นได้โดยไม่ค่อยมีปัญหา
2) การนำการ์ดมาต่อกันเป็นวงจร ครูควรจะอธิบายรูปแบบการวางการ์ดและสาธิตการวางให้นักเรียนดู เพราะถ้าไม่สาธิตเลย นักเรียนจะมีคำถามตอนที่นำการ์ดวางต่อกันเป็นวงจร แล้วถึงจะสาธิตแล้ว ก็ควรให้นักเรียนได้ลองหยิบการ์ดมาวางเรียงต่อกันเป็นวงจรไฟฟ้าให้ครูดูก่อนด้วย แล้วก็ฝึกให้นักเรียนคิดค่าความต้านทานสมมูล อีเอ็มเอฟสมมูล และกระแสไฟฟ้ารวมของวงจรก่อนจะลองเล่นจริงด้วย อันนี้คงจะเป็นสิ่งที่เราจะนำไปปรับใช้ต่อในอนาคต เพราะเราก็พลาดที่ไม่ได้ให้นักเรียนลองหยิบการ์ดมาวางเรียงต่อกันเป็นวงจร ด้วยข้อจำกัดด้านเวลา
วิธีการเล่น
1) ในการเล่น 1 รอบ สามารถเลือกทำได้ 1 อย่างจาก 3 อย่าง ต่อไปนี้
1.1) หยิบ Token ที่แตกต่างกันทั้งหมดได้ 3 เหรียญ หรือ หยิบ Token ที่ซ้ำกันได้ 2 เหรียญ กรณีที่หยิบซ้ำกัน มีเงื่อนไขว่าหลังหยิบ ต้องมี Token ชนิดนั้นเหลือที่กองกลางอย่างน้อย 2 เหรียญ จึงจะหยิบได้ และผู้เล่นจะสะสม Token รวมกันได้ไม่เกิน 10 เหรียญ หากหยิบมาเกิน สามารถนำเหรียญที่ไม่ต้องการแล้วกลับมาคืนที่กองกลางได้จนตนเองมีเหรียญไม่เกิน 10 เหรียญ
1.2) ซื้อการ์ดชนิดใดก็ได้จำนวน 1 ใบ โดยนำ Token ที่สะสมไว้มาใช้ซื้อการ์ด ด้วยการจ่าย Token ตามชนิดและจำนวนที่ระบุบนหน้าการ์ดที่ต้องการมาไว้ที่กองกลาง
1.3) การตอบคำถามเพื่อซื้อตัวช่วย ด้วยการให้ผู้เล่นที่มีลำดับก่อนหน้า เปิดการ์ด Problem แล้วอ่านคำถาม จากนั้นจับเวลา 2 นาที หากตอบถูก จะได้รับการ์ด Problem ใบนั้น ซึ่งจะมีตัวช่วยคละกันไปในแต่ละใบ หากตอบผิดหรือตอบไม่ได้ภายในเวลา ต้องคืนการ์ดใบนั้นไว้ที่กองกลางโดยสอดไว้ด้านล่างสุด ตัวช่วยที่ได้มาจะสามารถใช้ได้ในรอบถัดไป และเมื่อใช้ตัวช่วยแล้วจะใช้ไม่ได้อีก
2) ให้ผู้เล่นสะสมการ์ดอุปกรณ์ในวงจรไฟฟ้าให้ได้มากที่สุด เกมจะจบ เมื่อการ์ดอุปกรณ์ในวงจรไฟฟ้าทุกใบหมดจากกองกลาง (ตอนที่เราให้นักเรียนเล่นห้องแรก เราใช้กติกานี้ ปรากฏว่า เล่นไม่จบภายใน 2 คาบครับ อารมณ์ค้างกันเลย T T) หรือเพื่อให้เกมจบไวขึ้น หากมีใครคนใดคนหนึ่งสะสมการ์ดได้คะแนนรวมถึง 15 คะแนนก่อน เกมก็จะจบทันที (ห้องที่สองที่ได้เล่น เราปรับกติกามาเป็นแบบนี้ เกมเลยจบได้ภายใน 2 คาบครับ) โดยมีระบบการคิดคะแนนดังนี้
2.1) การ์ดสายไฟ ใบละ 1 คะแนน
2.2) การ์ดตัวต้านทาน ใบละ 2 คะแนน
2.3) การ์ดแหล่งกำเนิดไฟฟ้า ใบละ 2 คะแนน
3) ผู้เล่นคนใดในกลุ่มที่นำการ์ดที่สะสมได้มาต่อวงจรตามเงื่อนไขต่อไปนี้ได้สำเร็จจะได้รับคะแนนพิเศษ
3.1) เมื่อนำการ์ดแหล่งกำเนิดไฟฟ้ามาต่อกันแบบอนุกรมแล้วได้อีเอ็มเอฟสมมูลมากที่สุด จะได้รับ 20 คะแนน อันดับ 2 ได้ 15 คะแนน อันดับ 3 ได้ 10 คะแนน อันดับ 4 ได้ 5 คะแนน อันดับ 5 ได้ 2 คะแนน
3.2) เมื่อนำการ์ดตัวต้านทานและสายไฟมาต่อกันแล้วได้ความต้านทานสมมูลน้อยที่สุดจะได้รับ 20 คะแนน อันดับ 2 ได้ 15 คะแนน อันดับ 3 ได้ 10 คะแนน อันดับ 4 ได้ 5 คะแนน อันดับ 5 ได้ 2 คะแนน
3.3) สร้างวงจรไฟฟ้าโดยใช้การ์ดแหล่งกำเนิดไฟฟ้าการ์ดสายไฟ และการ์ดตัวต้านทาน จำนวน 1 วงจร ที่ให้กระแสไฟฟ้ารวมในวงจรมากที่สุดจะได้ 20 คะแนน อันดับ 2 ได้ 15 คะแนน อันดับ 3 ได้ 10 คะแนน อันดับ 4 ได้ 5 คะแนน อันดับ 5 ได้ 2 คะแนน
ซึ่งในคู่มือการเล่นที่แจกไปให้แต่ละกลุ่ม จะมีสูตรการคำนวณทั้งข้อ 3.1) 3.2) และ 3.3) อยู่ด้วย
อันนี้เป็นภาพการต่อวงจรของนักเรียนบางส่วนหลังเล่นเกมจบนะครับ
หลังเล่นเสร็จ เราก็ให้นักเรียนได้สะท้อน feedback ผ่านคำถาม 5 ข้อ ได้แก่ 1) หลังจากได้เล่น นักเรียนรู้สึกอย่างไร 2) นักเรียนได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการเล่น 3) ในความคิดของนักเรียน สื่อนี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง 4) สิ่งที่นักเรียนชอบในสื่อหรือกิจกรรมนี้มีอะไรบ้าง 5) สิ่งที่ควรปรับปรุง/พัฒนาสื่อหรือกิจกรรมมีอะไรบ้าง
ผลลัพธ์ที่นักเรียนสะท้อนมามีทั้งสนุก แปลกใหม่ เครียดและอย่ากเล่นอีก เพราะยังเล่นไม่จบ ยังมีไฟจะเล่นต่อ แล้วก็มีงง ๆ (ตรงนี้เกิดจากกติกาที่มีความซับซ้อนแล้วเราอธิบายอย่างเดียวโดยไม่ได้สาธิตการเล่นให้ดู ก็เลยมาปรับในห้องที่สอง)
สิ่งที่นักเรียนได้เรียนรู้ เช่น "ได้คิดเลข ได้รู้สูตรเยอะขึ้น จากที่งงสูตรก็เข้าใจขึ้น" "ได้เรียนรู้ไหวพริบในการคิดคำนวณและการหาสูตรที่ตรงกันกับคำถามเพื่อเอาไปต่อยอดในการเอาไปแลกอุปกรณ์" "ได้คิดคำตอบจากโจทย์การ์ดที่เพื่อนถามและความเข้าใจในการต่อวงจรไฟฟ้า" "การบริหารเงินค่ะ5555555 ได้รู้ว่าต่อไฟฟ้ายังไง" "ได้รู้ว่าต้องกลับไปจำสูตรค่ะ555555"
นักเรียนสะท้อนว่าสื่อนี้มีจุดเด่นอะไรบ้าง เช่น "มีหลายโจทย์ การ์ดตัวช่วยที่ไม่ได้มาง่าย ๆ จองไม่ได้ด้วย" "มีจุดให้คิดเกี่ยวกับการต้องใช้เหรียญ ให้ตอบคำถามเพื่อชิงตัวช่วย" "มีโจทย์ให้ฝึกไปในตัวและจับเวลา ถ้าเอาจริงๆก็กดดันอยู่วววค่ะ😭" "กติกาความหลากหลายและการคำนวณ" "มีเเหล่งกําเนิดไฟฟ้าให้สร้างวงจรได้เอง" "สีสวย ตัวหนังสือดูดี"
สิ่งที่นักเรียนชอบ เช่น "ตีกับเพื่อนค่ะ มันขโมยแบตเตอรี่หนู😭" "ได้ทักษะการคิดไวจากการตอบคำถาม เข้าใจขึ้นเยอะมาก" "เล่นเกมส์ กับเพื่อน เพิ่มปฏิสัมพันธ์ค่ะ" "ส่ะใจเพื่อนโดนแย่งซื้อการ์ด" "มีความสนุกแต่แฝงความรู้ไปในตัว" "ฝึกสมองคิดวิธีแก้โจทย์ที่สุดแล้วว ทำให้เรารู้จุดอ่อนของตัวเองได้ดี"
สิ่งที่ควรปรับปรุง/พัฒนา เช่น "โจทย์ที่คำถามช่วย อยากให้ยากน้อยลงหน่อยค่ะ ตอบผิดบ่อยมาก" "ลดราคาการ์ดครับ" "เพิ่มtokenให้เยอะขึ้นอีก"."อยากให้เล่นให้ดู อธิบายแล้วรส.มึนมากๆค่ะ เพราะเป็นคนไม่ค่อยเล่นเกมและไม่ชอบเล่นม้ากกกก" (อันนี้แหละที่เรารู้สึกว่าต้องสาธิตการเล่นให้นักเรียนดูด้วย T T)
โดยภาพรวมนักเรียนก็สามารถเล่นได้ในระดับนึงนะครับ แต่ด้วยเวลาที่มีเหลือแค่ 2 คาบสุดท้ายก่อนสอบปลายภาค ทำให้นักเรียนอาจจะได้ใช้เวลาเล่นได้ไม่เยอะเท่าที่ควร
ด้านล่างเป็นภาพบรรยากาศบางส่วนนะครับ
ข้อเสนอแนะในการนำไปใช้ต่อนะครับ
1) ควรมีเวลาอย่างน้อย 4 คาบในการให้นักเรียนเล่นเกมนี้ โดยแบ่งเป็น 2 คาบแรก ให้นักเรียนลองต่อวงจรจากการหยิบการ์ดตัวต้านทาน การ์ดสายไฟ และการ์ดแหล่งกำเนิดไฟฟ้ามาต่อเป็นวงจรรูปแบบต่าง ๆ ตามที่ครูกำหนดเงื่อนไข และฝึกให้นักเรียนแปลงรูปจากการ์ดเป็นแผนภาพการต่อวงจรไฟฟ้าและฝึกคำนวณจากสมการก่อน เพื่อที่นักเรียนจะได้คุ้นเคยกับการต่อวงจรไฟฟ้าด้วยการ์ด และในอีก 2 คาบหลัง จึงจะให้นักเรียนได้ลองเล่นเกมเต็ม
2) การ์ดตัวช่วย สามารถเพิ่มหรือลดจำนวนการ์ดตามความเหมาะสม และคำถามที่อยู่บนการ์ดตัวช่วยอาจจะมีทั้งง่าย ปานกลาง และยากปนกันไป เพื่อให้เกิดความท้าทายต่อคนเล่น คำถามยาก ตัวช่วยอาจจะดีมาก พลิกเกมได้ คำถามง่าย ตัวช่วย อาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้น ก็แล้วแต่ครูเลยครับว่าจะออกแบบคำถามและตัวช่วยอย่างไร เพราะอย่างนึงที่ทำให้เกมนี้สนุกขึ้นก็คือการมีระบบตัวช่วยนี่แหละครับ สังเกตได้จาก feedback ที่นักเรียนสะท้อนมา
3) เพิ่มจำนวนเหรียญ Token หรือลดราคาการ์ดลง เพื่อให้เกมสามารถจบได้ไวขึ้น หรือจะปรับระบบการคิดคะแนนใหม่ก็ได้นะครับ เอาตามที่เหมาะสม คุณครูลองปรับตามหน้างานดูได้นะครับ
4) นอกจากจะใช้การ์ดเซตนี้เป็นเกมแล้ว ครูสามารถนำการ์ดเซตนี้ไปใช้เป็นสื่อประกอบการเรียนการสอนในลักษณะอื่นได้ เช่น มอบหมายให้นักเรียนออกแบบวงจรไฟฟ้าให้มีลักษณะตามเงื่อนไขที่ครูกำหนดจากการ์ดที่แต่ละกลุ่มได้รับในจำนวนที่จำกัด จากนั้นแปลงเป็นแผนภาพวงจรและคำนวณปริมาณต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้วนำเสนอ เป็นต้น
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!