🥣🥣🥣🥣🥣🥣🥣🥣🥣🥣🥣🥣🥣
เคยได้ยินไหมคะ ว่าอาหารทำให้คนเรารู้สึกดีขึ้นอย่างมากมาย...และอาจรู้สึกแย่แบบวอดวายได้กว่าเดิม
แล้วอะไรมันจะรู้สึกดีไปกว่า...การทานอาหารจานโปรดของเราล่ะ!
ใครๆก็ต้องมีอาหารที่ตนเองชอบเป็นพิเศษ อย่างเช่น หมูกระทะ ชาบู ข้าวกระเพราหมูกรอบไข่ดาวพิเศษ (หิวเลย)
แต่ถ้าหากเราสาดความโกรธลงไปในอาหารจานนั้น มันจะยังน่ากินอีกไหมนะ?
วันนี้เรามาพาเด็กๆเรียนรู้เรื่องการแสดงออกทางพฤติกรรมผ่านการ(มโนว่า)ปรุงอาหารกันค่ะ
วัสดุอุปกรณ์
เริ่มต้นกิจกรรม
1. ครูแจกใบงานให้นักเรียน จากนั้นให้นักเรียนวาดภาพอาหารจานโปรดของตนเองที่ทานแล้วอร่อย มีความสุขที่สุด ภายในเวลาที่กำหนด
2. ให้นักเรียนตกแต่งอาหารจานดังกล่าวให้สวยงามน่าทาน
3. ครูแจกแผ่นใสและสก็อตเทปให้แก่นักเรียน โดยให้นักเรียนวางแผ่นใสไว้ด้านบนใบงานและติดด้วยสก็อตเทป จากนั้นให้นำมาส่งครู
4. ครูเตรียมสีใส่ถ้วย จากนั้นให้นักเรียนแต่ละคนนำใบงานของตนเองมาส่งด้านหน้า
5. ครูให้นักเรียนเอานิ้วจุ่มสีที่ครูเตรียมไว้ โดยมีกติกาว่า "ถ้านักเรียนอยากเอาสีที่นิ้วของตนเองออก นักเรียนต้องนำไปเช็ดกับใบงานอาหารของเพื่อนคนอื่นๆเท่านั้น โดยเช็ดให้นิ้วของเราสะอาดที่สุด"
จากนั้นนักเรียนก็ผลัดกันออกมาเอานิ้วของตัวเองระบาย! ละเลง! จนเต็มใบงานของเพื่อนทุกคน ส่วนใหญ่ก็พยายามให้งานของเพื่อนออกมาเละ! เทะ! ที่สุด เท่าที่นักเรียนจะทำได้ และพยายามเช็ดให้นิ้วตัวเองสะอาดที่สุด
6. เมื่อทำกิจกรรมครบทุกคน ครูจึงสอบถามนักเรียนดังต่อไปนี้
แน่นอนค่ะว่าแทบทั้งหมดบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่น่ากินเลย ไม่ชอบเลย อุตส่าห์ทำตั้งนาน เพื่อนเขาระบายสีทับของหนู/ผมเละขนาดนี้
**มาถึงคำถามสำคัญของกิจกรรมนี้ค่ะ...ครูถามอีก 1 คำถามว่า
"หากนักเรียนสามารถย้อนเวลากลับไปได้ นักเรียนยังอยากระบายสีทับใบงานเพื่อนแบบเดิมอีกไหม"
ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า... "ไม่ค่ะ/ไม่ครับ"
เข้าสู่บทเรียนจากกิจกรรม
ครูฟีมพูดว่า "สมมติว่าสีที่ติดนิ้วเรา คือพริกที่เผ็ดมากๆ...การที่เราเอาพริกใส่จานอาหารของเพื่อนเยอะขนาดนี้ เพื่อนจะยังทานมันได้อีกไหมคะ?"
"อาจจะทานได้ค่ะ...แต่คงจะปวดท้องมากแน่ๆ" นักเรียนคนหนึ่งกล่าว
"ผมว่าคงต้องเททิ้งแล้วซื้อมากินใหม่ครับ"
"แล้วถ้านั่นคืออาหารจากสุดท้ายที่เพื่อนมี ถ้านี่คือเงินก้อนสุดท้ายของวันที่เขาเลือกจะซื้อมากินล่ะคะ...บางคนอาจจะต้องทนกินอาหารจานนี้ต่อไปถึงแม้จะรู้ว่าต้องปวดท้องมากๆ หรือต้องเข้าโรงพยาบาล"
บรรยากาศในห้องเงียบลง เด็กๆทุกคนเริ่มคิดตาม
ใช่ค่ะ...ใครๆก็ชอบอาหารจานโปรด เหมือนกับที่ทุกคนชอบความสุข เราอยากจะครอบครอง อยากจะลิ้มลอง เพื่อเพิ่มพลังงานบวก เพิ่มความสุขให้กับชีวิตตนเอง
การที่นักเรียนเอาสีไประบายทับก็เหมือนกับการสาดสิ่งไม่ดีใส่กันด้วย"ความโกรธ ความเกลียด ความไม่ประสงค์ดีต่อกัน" มันจะไปต่างอะไรกับการสาดพริก น้ำปลา เครื่องปรุงจนรสชาติของอาหารไม่น่าทาน รสชาติแย่ หรืออาจจะ"ทานอาหารจานนั้นต่อไม่ได้"
ดังนั้น...หากตนเองรู้สึกโกรธ เกลียด หรือรู้สึกแย่จากสิ่งใดๆ เราก็ไม่มีสิทธิ์ และไม่ควรที่จะนำสิ่งๆนั้นไปลงกับคนอื่น เพราะสุดท้ายแล้วความรู้สึกนั้นจะไม่จางหายไปจนหมด เหมือนกับสีที่ยังคงติดอยู่ที่นิ้วของตัวเองที่ถึงแม้จะป้ายสีออกไปมากขนาดไหน...ก็ยังไม่สะอาดอยู่ดี
กิจกรรมขั้นสุดท้าย
ครูให้นักเรียนแกะสก็อตเทปและนำแผ่นใส่ออกจากใบงานของตน เด็กๆดีใจมากที่ใบงานของตนเองไม่ค่อยมีรอยเปรอะเปื้อนของสีที่เพื่อนระบาย
ครูอนุญาตให้นักเรียนเก็บใบงานอาหารจานโปรดของตนไว้ เพื่อเป็นที่ระลึกและเตือนใจตนเองว่า
"ในชีวิตจริง...เราย้อนเวลากลับไปแก้ไขรสชาติอาหารจานโปรดของเพื่อนไม่ได้
เรากลับไปแก้ไขหรือเตรียมรับมือกับเหตุการณ์ไม่ดีในอดีตไม่ได้
ดังนั้น...การไม่แกล้งสาดเครื่องปรุงแย่ๆใส่กันตั้งแต่แรก เป็นวิธีที่ดีที่สุดค่ะ :) "
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!