”หนูจำอักษรจีนไม่ได้ค่ะ“
”อักษรจีนยากมากครับ“
ดิฉันเชื่อว่า ครูสอนภาษาจีนล้วนเคยได้ยินคำพูดเหล่านี้ (หลายรอบด้วย ถถถ) และทุกคนที่เรียนภาษาจีนคงทราบดีว่า อักษรจีนเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญ สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษาจีนเป็นภาษาแม่ และหลายคนอาจเคยได้ยินว่า "อักษรจีนเป็นอักษรภาพ" แต่ในความเป็นจริง อักษรจีนไม่ได้มีเพียงแค่อักษรภาพเท่านั้น ระบบการสร้างอักษรจีนสามารถจำแนกได้เป็นหกประเภท ซึ่งเรียกว่า 六书 (liù shū) หรือ "หกวิธีการสร้างอักษรจีน" ได้แก่
*ท้อing*
ดังนั้น การเข้าใจ 六书 (liù shū) จะช่วยให้นักเรียนเรียนรู้และเข้าใจที่มาของอักษรจีนได้ง่ายขึ้น แทนที่จะต้องท่องจำเพียงอย่างเดียว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ดิฉันจัดการเรียนการสอน พวกเขามีพื้นฐานคำศัพท์ที่เป็น 象形 (xiàngxíng) – อักษรภาพ และ 指事 (zhǐshì) – อักษรสัญลักษณ์ แล้ว ซึ่งช่วยให้สามารถอธิบายอักษรจีนในระดับที่ลึกขึ้น และเชื่อมโยงกับความรู้เดิมที่เรียนมาได้ดีขึ้น
วิธีการสร้างอักษรจีน
象形 (xiàngxíng) – อักษรภาพ
指事 (zhǐshì) – อักษรสัญลักษณ์
会意 (huìyì) – อักษรที่เกิดจากการรวมความหมาย
จากจุดนี้ นักเรียนสามารถต่อยอดไปสู่ 会意 (huìyì) ซึ่งเป็นอักษรที่เกิดจากการรวมกันขององค์ประกอบที่มีความหมาย และสร้างความหมายใหม่
คำถาม: แล้วจะทำอย่างไรให้นักเรียนเข้าใจอักษร 会意 (huìyì) ล่ะ
ขั้นที่ 1 การทบทวนความรู้เดิม *ตัวอย่าง เหตุการณ์สมมติ (แต่เหมือนจริงมาก)*
ครู: 木 mù มีความหมายว่าอะไรคะ
นักเรียน: ต้นไม้ค่ะ/ครับ
ครู: "木 mù ต้นไม้ แล้ว 林 lín ล่ะ"
นักเรียน: "ต้นไม้ ต้นไม้"
ครู: ป่าจ้ะ (-_-)*
ขั้นที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่
อักษร 会意 เกิดจากการนำ อักษรสองตัวขึ้นไปที่มีความหมายอยู่แล้วมารวมกัน เพื่อสร้างความหมายใหม่ที่เกี่ยวข้องกัน เช่น:
休 (xiū) = 人 (คน) + 木 (ต้นไม้) → คนพิงต้นไม้ หมายถึง "พักผ่อน"
明 (míng) = 日 (พระอาทิตย์) + 月 (พระจันทร์) → พระอาทิตย์และพระจันทร์ร่วมกัน หมายถึง "สว่าง"
อักษร 会意 ต่างจากอักษร 象形 (อักษรภาพ) ตรงที่อักษร 象形 เป็นการวาดภาพสิ่งของโดยตรง เช่น 日 (ดวงอาทิตย์) 月 (ดวงจันทร์) แต่ว่า อักษร 会意 ใช้การรวมแนวคิดของอักษรที่มีอยู่แล้วมาสร้างความหมายใหม่
ขั้นที่ 3 การเชื่อมโยงความรู้ใหม่กับความรู้เดิม: กิจกรรม "แยกส่วน ประกอบใหม่"
นักเรียนทำงานเป็นกลุ่ม (3-5 คน) และได้รับบัตรคำที่มีตัวอักษร 会意 พร้อมองค์ประกอบที่ประกอบขึ้นเป็นตัวอักษรนั้น โดยนักเรียนวิเคราะห์ และอภิปรายว่าองค์ประกอบแต่ละส่วนมีความหมายว่าอย่างไร และเมื่อนำมารวมกันแล้วมีความหมายอย่างไร อีกทั้ง ให้นักเรียนทดลองสร้างอักษรจีนเอง จากความรู้เดิมกับความรู้ใหม่
ขั้นที่ 4 การสรุป และจัดระเบียบความรู้
ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมาอธิบายอักษร 会意 ที่ได้รับ และอธิบายถึงความเชื่อมโยงขององค์ประกอบแต่ละส่วน ครูและเพื่อนร่วมชั้นช่วยกันสรุป ให้ข้อเสนอแนะ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ขั้นที่ 5 การประเมินผล: กิจกรรม "แต่งเรื่องอักษร 会意"
ให้นักเรียนเลือกอักษร 会意 อย่างน้อย 3 ตัว และแต่งเรื่องสั้นที่มีความหมายเชื่อมโยงกับตัวอักษรเหล่านั้น ตัวแทนของแต่ละกลุ่มออกมานำเสนอเรื่องที่แต่งขึ้นให้เพื่อนฟัง ครูช่วยให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการใช้อักษร 会意 ในการแต่งเรื่องเพื่อให้เข้าใจบริบทได้ชัดเจนขึ้น
การสอนอักษร 会意 ด้วยวิธีที่เน้นความเข้าใจ และการมีส่วนร่วมของนักเรียนสามารถช่วยให้นักเรียนจดจำและใช้ภาษาจีนได้ดีขึ้น กิจกรรมที่กระตุ้นการคิดวิเคราะห์ และการสร้างสรรค์จะช่วยให้นักเรียนเห็นว่าภาษาจีนเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ และทำให้การเรียนภาษาจีนเป็นเรื่องสนุกและน่าจดจำมากขึ้นค่ะ :-)
เห็นไหมคะ อักษรจีนง่ายนี้ดดดดดเดียว จริงจริง!
จากการใช้กิจกรรมนี้ พบว่า นักเรียนมีความสนใจและตื่นเต้นกับการเรียนมากขึ้น นักเรียนรู้สึกว่าอักษรจีนไม่ใช่เพียงแค่สัญลักษณ์ที่ต้องท่องจำ แต่เป็นสิ่งที่มีตรรกะ และสามารถเข้าใจได้ นักเรียนบางคนให้ความเห็นว่า “การวาดภาพช่วยให้เข้าใจความหมายของตัวอักษรได้ดีขึ้น” และ “สนุกกับการคิดอักษร 会意 ใหม่ เพราะรู้สึกเหมือนกำลังสร้างภาษาขึ้นมาเอง”
บริบทของการใช้กิจกรรม
กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาที่มีพื้นฐานการเรียนภาษาจีนมาแล้วระดับหนึ่ง
สามารถใช้เป็นกิจกรรมเสริมในคาบเรียนภาษาจีน หรือใช้เป็นกิจกรรมพิเศษ
ข้อเสนอแนะสำหรับครูผู้สอน
ปรับระดับความยาก: สามารถเลือกอักษร 会意 ที่ง่ายหรือซับซ้อนขึ้นอยู่กับระดับของนักเรียน
ใช้เทคโนโลยีช่วยสอน: หากมีอุปกรณ์พร้อม อาจให้ใช้โปรแกรมวาดภาพ หรือทำสไลด์นำเสนอเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ
กระตุ้นให้คิดอย่างสร้างสรรค์: ส่งเสริมให้นักเรียนลองคิดอักษร 会意 ใหม่ และอภิปรายร่วมกัน
บูรณาการกับวิชาศิลปะ: สามารถให้วาดภาพประกอบอักษร 会意 เป็นงานศิลปะเพื่อเสริมจินตนาการ
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!