inskru

คำตอบไม่ใช่ปลายทาง แต่การคิดหาคำตอบด้วยตัวเองใช้ได้ตลอดชีวิต

6
5
ภาพประกอบไอเดีย คำตอบไม่ใช่ปลายทาง แต่การคิดหาคำตอบด้วยตัวเองใช้ได้ตลอดชีวิต

เมื่อคำตอบไม่ใช่ปลายทางแต่การที่เด็ก ๆ คิดและหาคำตอบด้วยตัวเองได้คือไม้ตายที่เด็กใช้ได้ตลอดชีวิต

ครูอย่างเราจะสร้างทักษะนี้ให้เกิดในห้องเรียนได้ยังไงบ้าง


insKru ได้นำเนื้อหาส่วนหนึ่งจาก Workshop “ห้องเรียนสุดสงสัย จุดไฟการเรียนรู้” ในงาน insKru Festival 2025

ถอดออกเป็นคำถามง่าย ๆ 3 ขั้นให้ลองทำกัน มาลองดูไปด้วยกันได้เลย


เรียบเรียง : ทีม insKru และ พัส - พัสภรณ์ ยับ

เราคงเคยได้ยินคำบอกกล่าวที่ว่า “ถ้าให้ปลาหนึ่งตัว เขาจะมีปลากินแค่ 1 วัน แต่หากสอนวิธีจับปลา เขาจะมีปลากินตลอดชีวิต” กันมาบ้างไม่มากก็น้อย 

จริง ๆ แล้วคำกล่าวนี้ ชวนให้เราได้ลองคิดดูว่า ทุกวันนี้ความรู้ในบทเรียนที่เราสอนกันเป็นเหมือนสิ่งที่เราหยิบยื่นให้เรื่อย ๆ โดยเราอาจหลงลืมกันไปว่า จริง ๆ แล้ว นักเรียนควรได้เรียนรู้วิธีการในการคิดและค้นหาความรู้ต่าง ๆ ด้วยตัวเองด้วย ซึ่งการสอนให้เขาได้ครุ่นคิด หาคำตอบด้วยตัวเองได้นี่แหละ ที่เป็นเหมือนไม้ตายที่เขานำมาใช้ได้ตลอดชีวิต

ซึ่งคุณครูสามารถเริ่มชวนให้นักเรียนคิดและหาคำตอบด้วยตัวเองได้ จากการถามคำถาม 3 คำถามนี้เป็นขั้น ๆ ไป

1. นักเรียนกำลังอยากรู้อะไร สงสัยอะไรอยู่

2. ต้องรู้อะไรบ้างถึงจะตอบคำถามนี้ได้

3. นักเรียนมีวิธีการทำความเข้าใจ หาคำตอบ หรือพิสูจน์อย่างไรได้บ้าง

เมื่อได้ถามทั้ง 3 คำถามอย่างเป็นขั้นเป็นตอน นักเรียนของเราจะได้ค่อย ๆ คิด ได้ฝึกการสโคปองค์ความรู้ที่ต้องใช้ และหาวิธีการในแบบของตัวเองได้ แถมยังอินจากคำถามที่ตัวเองสนใจอีกด้วย

ตัวอย่างเช่น ช่วงนี้ฝนตกบ่อย นักเรียนมองไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่ากบร้องเสียงดัง เลยสงสัยขึ้นมาว่า “ทำไมฝนตก กบถึงร้องล่ะ ?”

คุณครูก็สามารถถามคำถามให้นักเรียนลองคิดต่อได้ว่า “ถ้าอยากรู้ว่าฝนตกแล้วกบถึงร้อง ต้องมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมนะ ?”

นักเรียนก็อาจจะตอบขึ้นมาว่า

“ต้องรู้เรื่องชีววิทยาของกบ มันเป็นยังไง ชอบความชื้นมั้ย มีอวัยวะอะไรพิเศษหรือเปล่าฮะ !”

“ต้องรู้ว่าสภาพอากาศเป็นยังไง มีผลกับสิ่งมีชีวิตอย่างไรบ้างค่ะ !”


เมื่อกำหนดข้อมูลที่คิดว่าต้องรู้ได้แล้ว คุณครูก็ถามต่อได้ว่า “แล้วจะหาข้อมูลที่ต้องรู้หรือพิสูจน์ว่ามันถูกต้องได้ยังไงบ้าง ?”

นักเรียนก็อาจบอกว่า

“ถามครูวิทยาศาสตร์ ครูสังคมเพราะมีความรู้เรื่องเหล่านี้”

“ลองสังเกตพฤติกรรมของกบจากสวนข้างบ้าน” แบบนี้เป็นต้น


จะเห็นได้ว่าเด็ก ๆ มีความสามารถในการค้นหาข้อมูลอยู่ เพียงแต่คำถามปกติในห้องเรียนที่เคยเป็นมาไม่เคยปลุกความสงสัยที่เกิดจากตัวพวกเขาได้

บางคนอาจจะกำลังคิดแล้วว่า แบบนี้นักเรียนคิดเป็นก็ดีนะ แต่จะเชื่อมโยงกับเนื้อหาที่เรียนได้จริง ๆ เหรอ

เราบอกเลยว่าได้ ! ลองดูรูปต่อไปกันได้เลย

เทคนิคสำคัญในการได้มาซึ่งคำถามที่เชื่อมโยงกับเนื้อหาการเรียนในคาบได้ คือการเปิดพื้นที่ให้ลองถามให้ได้มากที่สุด เน้นปริมาณคำถามเป็นหลัก จะตรงหรือไม่ตรงกับเนื้อหาที่เตรียมไว้ก็ได้ แต่คุณครูต้องให้เด็ก ๆ กล้าถามออกมาก่อน

ถ้าต้องการให้อยู่ในประเด็นที่ตรงกับเนื้อหา ให้กำหนดเงื่อนไขคำถามให้เด็ก ๆ ถามให้เข้าเกณฑ์ได้ เช่น คาบนี้จะสอนวิชา ประวัติศาสตร์ คุณครูอาจจะเริ่มจากการถามจากของใกล้ตัวเช่น “ตั้งคำถามอะไรก็ได้เกี่ยวกับขวดน้ำสิ ?”

นักเรียนก็อาจจะถามว่า “ขวดน้ำมีกี่สี” “ทำไมต้องเรียกขวดน้ำ”

แน่นอนว่าคำถามที่ไหลหลั่งพรั่งพรูกันเข้ามา อาจไม่สามารถนำไปสอนประวัติศาสตร์ได้ใช่มั้ย 


คุณครูก็อาจจะต้องช่วยนักเรียนเพิ่มโดยการกำหนดว่า “โอเค ต่อจากนี้ขอคำถามที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์หน่อย” พร้อมทบทวนคอนเซปต์ของวิชาประวัติศาสตร์ หรือกระบวนการเบา ๆ คำตอบของนักเรียนจะเปลี่ยนไป และทำให้เรา สามารถเชื่อมโยงเข้ากับเนื้อหาต่อไปได้

เช่น “ขวดน้ำผลิตขึ้นปีไหน” “สมัยอยุธยาใช้อะไรใส่น้ำ”

“ขวดน้ำทำให้ธรรมชาติเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง”

เมื่อได้คำถามที่เกิดจากความอยากรู้ของเขาเอง และเกี่ยวข้องกับเนื้อหาการสอนของเรา เราก็สามารถนำไปถามตามขั้นตอน 3 ขั้นได้เลย

มาลองดูกันว่าพอเราหยิบคำถาม “สมัยอยุธยาเราใช้อะไรเป็นภาชนะใส่น้ำดื่ม” นักเรียนจะมีข้อมูลอะไรที่ต้องรู้และต้องใช้วิธีการยังไงบ้างนะ


ความรู้ที่ต้องมีเพื่อตอบคำถามได้

1.วิถีชีวิตคนสมัยนั้นเป็นยังไง

2.น้ำดื่มที่ว่านี้สะอาดมั้ย มีที่มาจากไหน ตักจากที่ไหน


หาคำตอบต่อด้วยวิธีการแบบนี้

1.ค้นจากหนังสือ จดหมายเหตุ ที่ชาวต่างชาติจดบันทึกไว้สมัยก่อน

2.เปิดดูรูปวาดของต่างชาติที่วาดไว้


ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นระหว่างที่คุณครูกำลังยืนยิ้มแฉ่ง เพราะเด็ก ๆ สามารถสร้างการเรียนรู้และวิธีการเรียนรู้ในแบบของตัวเองและอยากเรียนรู้ด้วยตัวเองได้สำเร็จแล้ว

สิ่งที่สำคัญที่สุดของกระบวนการถามคำถาม 3 ขั้นนี้ คือการไม่ตีกรอบคำถาม แต่ให้นักเรียนได้ถามคำถามที่อยากรู้เอง จะช่วยจุดไฟการเรียนรู้ให้มีความหมายมากขึ้น และทำให้เด็ก ๆ เรียนรู้ด้วยตัวเองต่อได้นั่นเอง (Constructivism) พร้อม ๆ กับครูได้ร่วมเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน


และนี่คือข้อพิสูจน์ว่าคำถามที่น่าสนใจ สามารถต่อยอดทางความคิดจากพื้นฐาน ความรู้ความเข้าใจไปได้ไกลกว่าเดิม โดยคุณครูสามารถ Curate เลือกมิติ หรือแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการนำไปสอนไปสอดแทรกได้เลย


คุณครูลองนำไปปรับประยุกต์แล้วได้ผลอย่างไร อย่าลืมกลับมาเขียนเล่ากันได้ที่ inskru.com น้า

เทคนิคการสอนทักษะการคิดวิเคราะห์Lifelong Learner

ไอเดียนี้เป็นไงบ้าง?

6
ได้แรงบันดาลใจ
5
ลงไอเดียอีกน้า~
avatar-frame
แบ่งปันโดย
insinsKru
insKru Official Account เราจะคอยผลักดันและเชิญชวนคุณครูมาร่วมสร้างสรรค์ไอเดียการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยต่อไป

ขอบคุณแรงบันดาลใจจาก

ครูทิว
ครูสอนสังคมศึกษาและนักกิจกรรมที่ใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีกว่า มีเสรีภาพ ความเสมอภาค และเป็นประชาธิปไตย มุ่งมั่นใช้การศึกษาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงสังคม วิชาสังคมศึกษาเป็นหลักสำคัญในการสร้างพลเมืองตื่นรู้ (Active Citizen) ให้มีความเข้าใจสังคม สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่น และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลก

อยากร่วมแลกเปลี่ยน?

please login

แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru

เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย

icon-please-commentมาเป็นคนแรกที่แลกเปลี่ยนสิ!

ไอเดียนี้ถูกต่อยอดเป็น... ✨

หากได้แรงบันดาลใจจากไอเดียนี้เหมือนกัน
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!

ไอเดียน่าอ่านต่อ