การเรียนเรื่องคำยืมภาษาต่างประเทศในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มักประสบปัญหาที่นักเรียนไม่เห็นความสำคัญ มองว่าเป็นเพียงเนื้อหาที่ต้องท่องจำไม่เชื่อมโยงกับการใช้ชีวิตจริง อีกทั้งคำยืมมีที่มาหลากหลายและซับซ้อน ทั้งบาลี–สันสกฤต เขมร จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น ชวา-มลายู ฯลฯ ทำให้นักเรียนสับสนและไม่สามารถจัดระบบความรู้ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ นักเรียนส่วนใหญ่ยังขาดการคิดวิเคราะห์ ไม่สามารถอธิบายได้ว่าคำยืมสะท้อนวัฒนธรรมและการแลกเปลี่ยนทางสังคมอย่างไร อีกทั้งการเรียนการสอนในชั้นเรียนจำนวนมากยังเน้นการบรรยายเพียงฝ่ายเดียว ทำให้นักเรียนไม่เกิดการลงมือปฏิบัติหรือสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเอง ภาพหวังของการเรียนภาษาไทย คือ ผู้เรียนสามารถรวบรวม อธิบายความหมายของคำยืม และนำไปสู่การอ่าน วิเคราะห์ และประเมินคุณค่าจากบทความหรือวรรณกรรม เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหาชีวิตจริงได้

ในการแก้ปัญหาดังกล่าว ครูเลือกใช้เทคนิค KWL Plus จะช่วยให้ผู้เรียนก้าวข้ามจากการท่องจำไปสู่การเรียนรู้อย่างมีความหมาย ได้พัฒนาทักษะการคิดขั้นสูง การวิเคราะห์ การเชื่อมโยง และการสังเคราะห์ข้อมูล พร้อมทั้งสามารถจัดระบบความรู้และนำไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังส่งเสริมให้ผู้เรียนเกิดทักษะการสื่อสาร การทำงานร่วมกัน และการเรียนรู้ด้วยตนเองตามแนวทางการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้นักเรียนเห็นความสำคัญของคำยืมในฐานะสัญลักษณ์ของการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและสังคม และนำไปสู่การเป็นผู้ที่รักการอ่าน วิเคราะห์ และใช้ภาษาไทยได้อย่างมีคุณภาพและสร้างสรรค์

ใช้กระบวนการ PDCA ดังนี้

ขั้นวางแผน (Plan) 

1.1 ศึกษาหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานฯ

1.2 วิเคราะห์สาระ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดระหว่างทางและตัวชี้วัดปลายทาง

1.3 วิเคราะห์ผู้เรียน 1.4 กำหนดจุดประสงค์ให้สอดคล้องกับสาระ มาตรฐานการเรียนรู้ และตัวชี้วัดระหว่างทาง

และตัวชี้วัดปลายทาง 1.5 เลือกแนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับนักเรียน คือ เทคนิค KWL Plus

1.6 ออกแบบการใช้สื่อจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้แก่ สื่อนำเสนอ (GAMMA) และQuiz ออนไลน์ (CANVA AI)

โดยออกแบบตาม ASSURE Model 1.7 ศึกษาเนื้อหาที่เกี่ยวกับคำยืมภาษาต่างประเทศ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เทคนิค KWL Plus 1.8 นำข้อมูลที่สืบค้นได้มาวิเคราะห์ วางแผน ออกแบบกิจกรรม และสื่อการจัดการเรียนรู้

เรื่อง คำยืมภาษาต่างประเทศ 1.9 จัดทำแผนการจัดการเรียนรู้

ขั้นปฏิบัติ (Do) 

2.1 ก่อนการปฏิบัติ ผู้จัดทำได้ทดสอบก่อนการจัดการเรียนรู้

2.2 ดำเนินการปฏิบัติตามแผนการจัดการเรียนรู้

ขั้นตรวจสอบ (Check) 

วัดและประเมินผลการเรียนรู้โดยใช้แบบทดสอบหลังเรียน

ขั้นปรับปรุงแก้ไข (Act) 

ปรับปรุงแก้ไขแผนการจัดการเรียนรู้ และสื่อที่ใช้

ผลสำเร็จของการดำเนินงานที่เกิดจากการนำไปใช้

1) นักเรียนร้อยมีผลแบบทดสอบหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนจำนวน 23 คน คิดเป็นร้อยละ 100

2) นักเรียนมีผลแบบทดสอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนดร้อยละ 80 จำนวน 20 คน จากจำนวน23คน คิดเป็นร้อยละ 86.96

คุณค่าของวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศที่ส่งผลต่อการพัฒนาผู้เรียน

นักเรียนได้รับการพัฒนาการรวบรวม และอธิบายความหมายของคำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทย นักเรียนได้รับการพัฒนาสมรรถนะการรวมพลังทำงานเป็นทีม และได้พัฒนาทักษะความเข้าใจและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ ในหัวข้อมีวินัยใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่นในการทำงาน ต่อสถานศึกษา โรงเรียนมีครูผู้สอนที่ขับเคลื่อนการใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการพัฒนาทักษะและการผลิตสื่อการสอนเทคโนโลยีดิจิทัลนำไปสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้กับคณะครูในโรงเรียน

ประโยชน์ที่ได้รับจากวิธีปฏิบัติที่เป็นเลิศ

การจัดการเรียนรู้โดยใช้เทคนิค KWL Plus และการบูรณาการสื่อดิจิทัล AI ช่วยยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ของนักเรียนอย่างชัดเจน นักเรียนสามารถรวบรวมและอธิบายความหมายของคำภาษาต่างประเทศที่ใช้ในภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง ไม่เพียงแต่จดจำ แต่ยังเข้าใจความเชื่อมโยง กับวัฒนธรรมและการใช้ภาษาในชีวิตจริง นอกจากนี้ นักเรียนยังเกิดทักษะการคิดวิเคราะห์ การทำงานร่วมกัน และการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานที่สะท้อนการเรียนรู้ของตนเอง ซึ่งส่งผลให้เกิดความภาคภูมิใจและแรงบันดาลใจในการเรียนภาษาไทยมากยิ่งขึ้น

ข้อสังเกต /ข้อเสนอแนะ : การใช้เทคนิค KWL Plus เป็นเทคนิคที่ช่วยกระตุ้นให้นักเรียนได้ทบทวนความรู้เดิม ฝึกการตั้งคำถาม และเชื่อมโยงความรู้ที่ได้รับทำให้นักเรียนมีความรู้สึกว่าการเรียนไม่ใช่เรื่องยากนักเรียนสามารถเชื่อมโยงความรู้เดิมเกี่ยวกับสาหตุการเข้ามาและหลักการสังเกตคำยืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทยของตนเอง ร่วมกับแลกเปลี่ยนความรู้กับเพื่อน ครู ส่งผลให้นักเรียนสามารถสรุปความรู้ที่ได้รับจากการเรียนได้ง่ายมากขึ้น

ข้อควรระวัง : ควรกำชับเวลาในการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอน