icon
giftClose
profile

ครูวิทย์ตั้งคำถาม"ทำไม" และถาม "อย่างไร" ให้มันส์

28911
ภาพประกอบไอเดีย ครูวิทย์ตั้งคำถาม"ทำไม" และถาม "อย่างไร"  ให้มันส์

ในห้องเรียนวิทยาศาสตร์มักพบคำถามที่ขึ้นต้นหรือลงท้ายด้วยคำว่า "ทำไม" และ "อย่างไร" ซึ่งครูควรใช้คำถามให้มีคุณค่าต่อการเรียนรู้และสร้างสรรค์ นอกจากนี้หากนักเรียนถามครูแล้วครูควรจะรับมือและมีวิธีการตอบสนองกับคำถาม "ทำไม" และ และ "อย่างไร" ของนักเรียนให้เกิดประโยชน์ต่อนักเรียนมากที่สุด

คำถาม "ทำไม" และ "อย่างไร" ในชั้นเรียนวิทยาศาสตร์ 

      คำถาม อย่างไร และ ทำไม ของครู (Teachers' how and why questions) และคำถาม อย่างไร และ ทำไม ของนักเรียน (Children's how and why questions) ถือเป็นส่วนหนึ่งของคำถามที่มีคุณค่าต่อการเรียนรู้หรือคำถามที่สร้างสรรค์ (Productive question) ตามที่ Elstgeest ได้เสนอไว้ในบทความ The right question at the right time (สนใจอ่านบทความคำถาม Productive question ได้ที่ >> inskru.com/idea/-MfSQARqMb7CvfJoZf09) ซึ่งคำถาม "ทำไม" และ "อย่างไร" มีรายละเอียดดังต่อไปนี้


คำถาม อย่างไร และ ทำไม ของครู (Teachers' how and why questions)

         คำถาม อย่างไร และ ทำไม ของครู เป็นคำถามเพื่อแสวงหาเหตุผล (Reasoning Questions) มักถามหาเหตุผลมาเพื่อใช้อธิบายสิ่งต่าง ๆ คำถามประเภทนี้มักประกอบด้วยคำว่า “อย่างไร” และ “ทำไม” โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนอภิปราย แสดงความคิดเห็นอย่างอิสระด้วยการให้เหตุผลเกี่ยวกับประสบการณ์ของนักเรียน ให้นักเรียนสะท้อนคิดจากสิ่งที่ค้นพบหรือสิ่งที่เรียนรู้ นักเรียนจะค้นหาและลงข้อสรุปอย่างระมัดระวัง อ้างอิงหลักฐานเชิงประจักษ์ที่น่าเชื่อถือ นักเรียนจะอภิปรายและแสดงความคิดเห็นว่า คิดอะไร คิดอย่างไร เกี่ยวกับสิ่งที่ค้นพบ การแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกันจะทำให้นักเรียนยอมรับความสัมพันธ์ของข้อมูล หรือยอมรับข้อโต้แย้งและพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนความคิดได้เมื่อมีหลักฐานที่น่าเชื่อถือ เช่น นักเรียนสังเกตว่าลูกน้ำของยุงในขวดโหลจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เมื่อมีคนไปรบกวนโดยการเคาะข้างขวดโหลหรือโดยการเขย่าหรือกวนน้ำเพื่อให้ผิวน้ำกระเพื่อมแล้วพบว่าลูกน้ำจะดิ้นไปดิ้นมาอยู่ด้านล่างของขวดโหล นักเรียนจะได้เห็นลูกน้ำขึ้นมาที่ผิวน้ำครั้งแล้วครั้งเล่า และสังเกตว่าเมื่อลูกน้ำมาเกาะอยู่นิ่ง ๆ ที่ผิวน้ำ จะใช้ส่วนหางอยู่เหนือผิวน้ำเล็กน้อย นักเรียนอาจจับเวลาว่าลูกน้ำจะอยู่ใต้ผิวน้ำได้นานแค่ไหน เมื่อไรก็ตามที่ลูกน้ำโผล่ขึ้นมา นักเรียนสามารถกีดกันไม่ให้ลูกน้ำทำเช่นนั้นโดยการเขย่าขวดโหล หรือถ้านักเรียนคลุมผิวน้ำด้วยเศษกระดาษหรือแผ่นเซลโลเฟนแล้วลูกน้ำจะทำอย่างไร นักเรียนจะต้องตระหนักถึงความพยายามของลูกน้ำที่จะไปถึงที่พื้นผิว หลังจากนักเรียนผ่านประสบการณ์การทำกิจกรรมนั้น นักเรียนจะมีส่วนร่วมในการอภิปรายอย่างสมเหตุสมผลเมื่อถูกถามว่า “ทำไมลูกน้ำขึ้นมาที่ผิวน้ำ” คำว่า “ทำไม” ในที่นี้สื่อความหมายว่า “เพื่ออะไร” นักเรียนจะสามารถแสดงความคิดเห็นด้วยความมั่นใจ เพราะนักเรียนมีเรื่องให้คิดและพูดถึงซึ่งทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ที่นักเรียนได้จากการสังเกตแล้วตอบว่า ลูกน้ำขึ้นมาที่ผิวน้ำเพื่อหายใจ คำตอบนี้อาจไม่เป็นที่ประจักษ์ มีสัตว์น้ำหลายชนิดไม่เคยขึ้นมาหายใจที่ผิวน้ำและหางก็ไม่มีความสัมพันธ์กับการหายใจ แต่ทว่าการมีส่วนร่วมของครูอาจจะชี้ไปในทิศทางของความจำเป็นสำหรับการหายใจได้โดยที่ไม่ได้เป็นการทำตามความเชื่อถือของนักเรียนอย่างปราศจากการให้เหตุผลอย่างระมัดระวัง


คำถาม อย่างไร และ ทำไม ของนักเรียน (Children's how and why questions)

         คำถาม อย่างไร และ ทำไม ของนักเรียน เป็นคำถามของนักเรียนเมื่อนักเรียนสังเกตสิ่งต่าง ๆ แล้วมักจะเกิดความสงสัยโดยมักจะถามคำถามว่า “ทำไม” และคาดหวังว่าครูจะให้คำตอบที่สมบูรณ์ที่สุด และคำตอบที่น่าประทับใจ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ช่วยนักเรียนให้เรียนรู้สิ่งที่สำคัญเลย ภายใต้ประสบการณ์ของครูสามารถให้คำตอบได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องพยายามให้นักเรียนตอบคำถามได้ด้วยตนเอง โดยการปรับปรุงคำถามหรือแตกคำถามให้ย่อยเป็นคำถามที่ง่ายขึ้น เช่น การแยกคำถามออกเป็นส่วนที่สามารถควบคุมได้ว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้า... (what happens if)” และคำถามชวนให้สังเกตว่า “เราไปดูกันว่าเป็นอย่างไร (let us see how)” การสังเกตอาจต้องอาศัยความอดทนของนักเรียน แต่จะต้องจัดให้มีประสบการณ์ที่จำเป็นเพื่อให้เกิดความเข้าใจ

         มีคำถาม “ทำไม” อีกมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ อย่างไรก็ตามครูควรเจียมเนื้อเจียมตัวและซื่อสัตย์พอที่จะยอมรับว่า “ฉันไม่รู้” เป็นการยอมรับที่ดีเพราะสิ่งนี้จะเป็นบทเรียนที่สมบูรณ์แบบแก่นักเรียนให้ตระหนักว่า วิทยาศาสตร์เป็นการค้นหามากกว่าการตอบคำถาม “ทำไม” และ “อย่างไร” เพราะว่าเมื่อเราได้รับคำตอบที่น่าพอใจ เราก็จะตระหนักถึงปัญหาใหม่ และคำถาม “ทำไม” และ “อย่างไร” ก็จะเกิดขึ้นอีกแสดงว่าเรายังไปไม่ถึงคำตอบสุดท้าย ดังนั้นการค้นหาจึงดำเนินต่อไป คำถาม “ทำไม” จำนวนมากเป็นคำถามที่สื่อความหมายว่า “เพื่ออะไร (what for?)”, “เพื่อวัตถุประสงค์อะไร (to what purpose?)” หรือ “ไปที่ไหน (where to?)” สิ่งเหล่านี้บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างและหน้าที่ คำถาม “ทำไม” เป็นการค้นหาความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุผล ความพยายามของครูในการแตกคำถามเหล่านี้ให้เป็นคำถามที่ง่าย และวิธีการที่จะได้คำตอบเป็นการให้เหตุผลของนักเรียน ที่มักขึ้นต้นด้วยคำว่า “เพราะว่า” บนหลักฐานที่นักเรียนพบอย่างชัดเจน และประสบการณ์ของนักเรียน ถือว่ามีคุณค่าและสำคัญมากกว่าเหตุผลใด ๆ ที่มาจากการบอกของผู้ใหญ่ และการท่องจำโดยไม่มีข้อผิดพลาดแต่ปราศจากความเข้าใจ แม้แต่ความเข้าใจของผู้ใหญ่ก็ขึ้นอยู่กับการสั่งสมประสบการณ์มากมาย และพวกเราหลายคนก็ต้องยอมรับว่าสิ่งต่าง ๆ ที่เราเรียนรู้ในโรงเรียนเพียงไม่กี่ปี ต่อมาเราก็ต้องเรียนรู้ใหม่ด้วยตนเอง


     ทั้งนี้คำถาม อย่างไร และ ทำไม อาจถามโดยครูหรือนักเรียน โดยที่คำถาม “ทำไม”ของครูอาจประกอบด้วยคำว่า “ทำไมนักเรียนจึงคิดว่า” และครูควรมีเวลาให้นักเรียนได้มีโอกาสรวบรวมความคิดและประสบการณ์ที่จำเป็นในการตอบคำถาม สำหรับคำถาม “ทำไม”ของนักเรียน ที่มักจะสร้างปัญหาต่อครู เพราะครูอาจตอบคำถามไม่ได้ โดยที่ครูอาจยอมรับตามตรงว่า "ครูไม่รู้" เพื่อให้นักเรียนตระหนักว่า วิทยาศาสตร์เป็นการค้นหามากกว่าการตอบคำถาม และคำถามทุกคำถามก็ไม่ควรตอบทั้งหมดโดยที่ครูสามารถให้คำตอบได้ระดับหนึ่ง แต่ต้องพยายามให้นักเรียนตอบคำถามได้ด้วยตนเอง โดยการปรับปรุงคำถามหรือแตกคำถามให้ย่อยเป็นคำถามที่ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตามมีแนวทางสำหรับการใช้คำถาม อย่างไร และ ทำไม สำหรับครูวิทยาศาสตร์ดังนี้


แนวทางสำหรับการใช้คำถาม อย่างไร และ ทำไม (how and why questions)

1. เมื่อถามคำถามเพื่อกระตุ้นการให้เหตุผลของนักเรียน ควรทำให้แน่ใจว่าคำถามเกี่ยวกับการให้เหตุผลประกอบด้วย “คุณคิดเกี่ยวกับอะไร (what do you think about)” หรือ “ทำไมคุณจึงคิดเช่นนั้น (why do you think)”

2. ไม่ถามคำถามประเภทนี้จนกว่านักเรียนจะมีประสบการณ์ที่จำเป็นมาก่อน เพื่อให้นักเรียนสามารถให้เหตุผลจากหลักฐานได้

3. เมื่อนักเรียนถามคำถาม "ทำไม" ให้พิจารณาว่าตนเองมีประสบการณ์ในการทำความเข้าใจคำตอบหรือไม่ อย่างไร

4. ไม่กลัวที่จะบอกว่าคุณไม่รู้คำตอบ หรือไม่มีใครรู้ (หากเป็นคำถามเชิงปรัชญา)

5. แตกคำถามที่ซับซ้อนเกินไปเป็นคำถามที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่นักเรียนสามารถค้นหาและทำความเข้าใจได้

6. ใช้คำถามของนักเรียนอย่างจริงจังเพื่อแสดงถึงสิ่งที่นักเรียนสนใจ ถึงแม้ว่าคำถามจะไม่มีคำตอบก็ตาม อย่ากีดกันการถามคำถามของนักเรียน


แหล่งข้อมูล

Elsteeg, J. (1985). The right question at the right time. In Wynne Harlen. Primary Science: Taking the plunge. Oxford, England: Heinemann Educational.

Elsteeg, J. (2001). The right question at the right time. In W. Harlen (Ed.), Primary science: Taking the plunge. Oxford, UK: Heinemann Educational.

สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. (2555). ครูวิทยาศาสตร์มืออาชีพ แนวทางสู่การเรียนการสอนที่มีประสิทธิผล. อินเตอร์เอ็ดดูเคชั่น ซัพพลายส์.

รีวิว
(0)
ดาวน์โหลด
(0)
เก็บไว้อ่าน
(3)