ตัวอะไรไม่รู้ ไม่กล้าเข้าใกล้เลย..
หากในสวนดอกไม้ที่เราปลูกมีแมลงแปลกหน้าแปลกตาโผล่มา เราคงไม่กล้าเผชิญหน้าและรีบถอยห่างเพราะเกรงกลัวอันตรายจากความไม่คุ้นชินเป็นแน่ เช่นเดียวกันกับนักเรียนไทยที่เติบโตมาด้วยสภาพแวดล้อมที่ใช้ภาษาไทยเป็นหลัก เมื่อพวกเขาได้เจอกับชาวต่างชาติ หลาย ๆ คนคงเลือกเดินหนี เพราะเขาไม่คุ้นเคยกับภาษาที่สอง จนสุดท้ายก็เกิดเป็นความกลัวต่อภาษาอังกฤษในที่สุด
เมื่อเห็นปัญหาดังกล่าว ครูนุ้ย ปทิตตา ศิลาวรรณ คุณครูประจำวิชาภาษาอังกฤษระดับประถมต้นของโรงเรียนบ้านโพนยาง จังหวัดศรีสะเกษ ก็เกิดไอเดียที่จะปรับสภาพแวดล้อมในการเรียนภาษาให้เหมาะกับนักเรียนมากยิ่งขึ้น เพื่อให้พวกเขาสามารถทลายกรอบความไม่คุ้นชินทางภาษา และมาวิ่งเล่นในสวนดอกไม้ได้อย่างไม่เกรงกลัว
เริ่มต้นคาบ ปรับสภาพแวดล้อม
ก่อนที่นักเรียนจะก้าวเท้าเข้าสู่ห้องเรียนภาษาอังกฤษ ครูนุ้ยจะติดบอร์ด Greeting ซึ่งมีวิธีการทักทายรูปแบบต่าง ๆ ไว้ นักเรียนจะต้องเลือกท่าทักทายที่ตนเองต้องการ และทำท่าทางเหล่านั้นกับคุณครูก่อนเข้าห้อง โดยครูนุ้ยจะมีคำถามภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับบทเรียนก่อน ๆ เล็กน้อย เพื่อฝึกให้นักเรียนต่อบทสนทนาได้อีกด้วย
เมื่อนักเรียนเริ่มจำท่าทางและกล้าต่อบทสนทนาภาษาอังกฤษ ก็ถึงเวลาให้พวกเขาช่วยกันคิดท่าทักทายใหม่ อีกทั้งครูนุ้ยยังเพิ่มบทบาทให้นักเรียนเพิ่มเติม โดยให้ผู้ต่อบทสนทนาเป็นคนตั้งคำถามให้กับนักเรียนคนถัดไปอีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่น่าประหลาดใจสำหรับครูนุ้ย คือ น้อง ๆ มีการพูดคำศัพท์ที่ครูนุ้ยไม่เคยสอนออกมาระหว่างกิจกรรม ซึ่งเมื่อคุณครูชม นักเรียนก็เกิดความภาคภูมิใจ เมื่อเพื่อน ๆ เห็น ก็อยากทำตาม ทำให้นักเรียนของครูนุ้ยกล้าศึกษาศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยตนเองมากยิ่งขึ้น “คำชมและการให้กำลังใจ ทำให้บรรยากาศในห้องเรียน น่าเรียนมากยิ่งขึ้น”
ร้อง/เต้น/อ่าน/เขียน นักเรียนเลือกได้
ในสมัยเริ่มต้นสอนภาษาอังกฤษ ครูนุ้ยได้ใช้ทักษะการทำสไลด์พร้อมเอฟเฟคสุดตระการตาหวังให้นักเรียนสนใจเนื้อหาที่จะสอน แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความสนใจให้กับนักเรียนได้ทุกคน ครูนุ้ยจึงเลือกใช้ Active learning อย่างการร้องเพลง ท่องกลอน เต้น และระบายสี มาช่วยให้นักเรียนมีปฏิสัมพันธ์กับคาบเรียนมากยิ่งขึ้น ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีเกินคาด
หนึ่งสิ่งสำคัญที่ทำให้คาบเรียนภาษาอังกฤษของครูนุ้ยประสบผลสำเร็จ คือ การให้สิทธินักเรียนเลือกสิ่งที่ตนเองอยากเรียน หากทั้งห้องลงความเห็นว่าอยากร้องเพลง ครูนุ้ยก็จะเปิดคาราโอเกะให้ หากทั้งห้องลงความเห็นว่าอยากวาดภาพ ครูนุ้ยก็จะปริ้นภาพออกมาให้นักเรียนระบายสี หรือ พานักเรียนออกไปสำรวจนอกห้องเรียนและวาดสิ่งที่ตนเองสนใจ เมื่อถึงเวลาส่งงานนักเรียนก็ต้องพูดคำศัพท์ที่ตนเองได้เรียนรู้ในวันนั้น ๆ ซึ่งแม้จะต้องมีการเตรียมตัวที่มากกว่าปกติ แต่ครูนุ้ยก็มีความเชื่อมั่นที่ว่า “หากเด็กชอบอะไร เขาจะจำสิ่งนั้นได้ดี”
นอกจากนี้คุณครูต้องเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนมีความชอบที่แตกต่างกัน ครั้งหนึ่งครูนุ้ยเคยให้นักเรียนสอบเต้นเพลงภาษาอังกฤษ แต่นักเรียนคนหนึ่งร้องไห้และไม่ขอสอบเนื่องจากตนเองไม่ถนัด ครูนุ้ยจึงต้องสอบถามความชอบและเปลี่ยนให้เขาสอบวาดภาพแทน เป็นต้น
เทคนิคการสอนในห้องเรียนของครูนุ้ยนับว่าสามารถดึงดูดนักเรียนได้อย่างน่าประหลาด ทุกท่านสามารถรับชมหนึ่งในตัวอย่างการสอนของครูนุ้ยได้ที่ >> อาชีพที่ฝันใฝ่ จำศัพท์ขึ้นใจด้วยเฮดแบนด์
Hello Teacher! ยังเจอแม้นอกคาบ
สภาพแวดล้อมที่พร้อมให้นักเรียนฝึกภาษาอังกฤษ ไม่ได้มีเพียงห้องเรียนและอุปกรณ์การเรียนเท่านั้น ตัวของคุณครูเองก็เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักเรียนกล้าพูดภาษาอังกฤษยิ่งขึ้น เช่น เวลาที่นักเรียนพบครูนุ้ยนอกคาบเรียน ก็จะพยายามทักทายเป็นภาษาอังกฤษ รวมถึงเวลามีผู้ใหญ่มาเยี่ยมโรงเรียนและถามนักเรียนเป็นภาษาอังกฤษ นักเรียนของครูนุ้ยก็กล้าต่อบทสนทนาภาษาอังกฤษกลับเช่นกัน
อีกทั้งในช่วงพักเที่ยง นักเรียนก็พร้อมวิ่งเข้าหาคุณครูและขอเล่นกิจกรรมต่าง ๆ ในห้องเรียนครูนุ้ย เช่น มุมรักการอ่าน สื่อการสอน เกม Youtube คาราโอเกะ รวมทั้งมาขอทบทวนคำศัพท์กับคุณครูด้วยแฟลชการ์ด ซึ่งครูนุ้ยก็ดีใจอย่างมาก เพราะเชื่อว่า การที่เด็กวิ่งเข้ามาหาเรา แปลว่าเราเป็นพื้นที่ปลอดภัยของเขา ซึ่งจะเป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างคุณครูและนักเรียนให้เข้าใจกันและกันได้เป็นอย่างดี
เมื่อสภาพแวดล้อมพร้อมให้นักเรียนได้คุ้นชินกับความแปลกใหม่ทางภาษา เหล่าแมลงแปลกตาก็ไม่ได้น่าเกรงกลัวอีกต่อไป เมื่อระบบนิเวศของสวนแห่งนี้อุดมสมบูรณ์มากเท่าใด เมื่อนั้นไซร้ ดอกไม้ของนักเรียนจะผลิดอกอย่างงดงาม
รับชมข้อมูลห้องปฏิบัติการภาษาอังกฤษ โรงเรียนบ้านโพนยางได้เพิ่มเติม ผ่าน https://youtube.com/watch?v= Bxy_ICBbNUg&feature=share..
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย
ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!