อาหารทุกชนิดไม่ได้มีโทษด้วยตัวมันเอง เด็กได้มีสิทธิ์ลองอาหารที่หลากหลาย แล้วค่อยตัดสินใจเองว่าเขาชอบแบบไหน
เห็นเพื่อนๆครูอนุบาลด้วยกันหลายๆคนใช้คำว่า"อาหารไม่มีประโยชน์" ซึ่งส่วนตัวมองว่ามันเป็นการโทษอาหารเกินไปแต่ก็เข้าใจในสิ่งที่ทุกห้องเรียนอยากจะสื่อสาร แต่ก็ยังหาประโยคอื่นมาแทนไม่ได้ ถึงจะบิดคำแล้วก็ยังเป็นประโยคที่อยากเปลี่ยนอยู่ดี ใครมีคำดีๆที่ไม่ตีตราบอกได้นะคะ
พยายามบอกเด็กๆว่า ขนมที่ถึงจะมีประโยชน์น้อยนิดแต่ว่าถ้าเราชอบและไม่ได้กินมันเยอะจนเกินไป มันก็โอเคนะ แต่กินข้าวด้วย และอย่าลืมแปรงฟัน แอบเล่าเรื่องสมัยเป็นนักกีฬาให้เด็กๆฟังว่าการได้กินลูกอมระหว่างการออกกำลังกายหนัก เหมือนเดินอยู่กลางทะเลยทรายแล้วได้เจอโอเอซิส
เมื่อแยกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆแล้ว ก็ลองแยกเป็นอาหารหลัก 5 หมู่ด้วย แต่ไม่ได้เคร่งเครียดกับการจำชื่อหมู่ขนาดนั้น
และลองจัดจานอาหารของตัวเองว่าอยากให้มีอะไรในนั้นบ้างโดยคำนึงถึงอาหาร 5 หมู่
งานแรกของมี้จัง ที่บอกเรื่องราวภารกิจแรกของมี้จังในการไปซื้อนมให้คุณแม่ ตอนไปซื้อเล่มนี้แล้วกลับมาที่บ้านก็เจอเล่มนี้เรื่องเดียวกันแต่ตีพิมพ์ต่างกัน เล่มที่บ้านตีพิมพ์ครั้งที่ 1 ส่วนเล่มที่พึ่งซื้อตีพิมพ์ครั้งที่ 11 ไปแล้ว 10 ครั้งเองแก สำหรับช่องว่างระหว่างวัย 5555
งานแรกของมี้จังคือการไปซื้อของ ถ้าจะไปซื้อของเองต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง? และด้วยความมีผู้แพ้อาหารในห้องเลยมีการย้ำเรื่องการดูส่วนประกอบเป็นพิเศษ
ลองเทียบของที่พอหาได้อย่างนมโรงเรียน ว่ามีเครื่องหมายสำคัญครบมั้ย
ในวันต่อมาเราจะไปลองเลือกซื้ออาหารที่ห้างสรรพสินค้า เลยลองซ้อมกับเกมการศึกษากันก่อน
โดยเกมคือให้เด็กๆจัดสินค้าตามใบรายการให้ครบ ฝึกการนับจำนวนและการอ่านภาษาด้วยรูป
(เครดิต instagram.com/p/CWC5qLksN9Y/?utm_source=ig_web_copy_link )
สื่อทำง่าย แต่เล่นสนุกมากกกกกกกกก
วันจริงมาถึง เดินชอปปิ้งในห้างใหญ่ใจกลางอำเภอกัน ทีแรกจะพาไปตลาดสดแต่ความเป็นตลาดเสียงค่อนข้างดังและเป็นพื้นที่เปิดกลัวถ้าหลงกันจะตามกันไม่เจอและถ้าดูเฉยๆไม่ซื้อพ่อค้าแม่ค้าน่าจะไม่โอเค เลยตัดสินใจไปห้างแทน หลงกันก็ยังมีประชาสัมพันธ์ประกาศได้
ทำตามมาตรการก่อนเข้าห้างทุกอย่าง
แผนกอาหารสด ได้ลองเล็อกปลากันด้วยแต่ไม่ได้ซื้อ ยืนดูกันเฉยๆ
เลือกผลไม้ ใครอยากซื้อก็หยิบใส่ถุงเอง
ให้พี่พนักงานชั่งน้ำหนักให้
เลือกของที่อยากซื้อ เลือกดูฉลากสินค้าอย่างดีได้ของครบแล้วก็ไปจ่ายตัง
เอาของใส่สายพานเอง จ่ายตังเอง เอาของใส่ถุงเองด้วย
พอกลับมาถึงห้องแล้ว ก็สรุปร่วมกันว่าได้อะไรมาบ้าง ทุกคนเหลือเงินทอนกันเท่าไหร่
เมื่อได้ลองซื้อของกันแล้ว ก็มาทำอาหารกันบ้าง โดยเมนูที่เด็กๆเลือกคือเกี่ยวน้ำ
ทำตั้งแต่ห่อเกี๊ยวเอง
ห่อแบบไหนก็ได้ตามใจชอบ แต่เกี๊ยวค่อนข้างเยอะเลยแบ่งไปทำเกี๊ยวทอดด้วย
ต้มเกี๊ยวเอง เด็กๆยังกะแรงไม่ค่อยได้ จึงมีน้ำร้อนกระเด็นบ้าง แต่เสื้อกันเปื้อนแขนยาวช่วยเซฟได้เยอะมาก
เวลาที่รอคอยคือ กินได้
ก่อนกินก็มาสรุปนิดหน่อย เปรียบอาหารจากวิธีการทำให้สุกว่าต่างกันยังไงบ้าง ความต่างระหว่างต้มกับทอดคืออะไร
เก็บตกภาพคือ เด็กๆเลียนแบบท่ามี้จังในนิทานตอนไปห้างกัน
ความจริงหน่วยนี้เกิดขึ้นก่อนหน่อยปลอดภัยไว้ก่อนที่ลงไปก่อนหน้า ปลอดภัยไว้ก่อน - insKru เพราะการต้องออกไปเลือกซื้อของกันเลยต้องย้ำเรื่องการแพ้อาหาร ที่เป็นอันตรายที่ถูกมองข้าม ได้ตัวอย่างจาก คุณครูบี โรงเรียนเกษมพิทยา ขอบคุณมากค่ะ และหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน
แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru
เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย