จากกิจกรรมการแลกเปลี่ยนกิจกรรมครั้งที่แล้ว ฝึกจับใจความด้วย 5W1H ผ่านเกม CSI หน่วยสืบคดีลับ วันนี้ขอเสนอกิจกรรมภาคต่อ "สายลับจับข้อเท็จจริง" ซึ่งเป็นกิจกรรมในการพัฒนาทักษะการอ่าน ในส่วนของการจำแนกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นและข้อสนับสนุน จากกิจกรรมคราวก่อนผู้เรียนได้ฝึกฝนการจับใจความด้วยเทคนิค 5W1H จากคดี "เครื่องประดับที่สาปสูญ" แต่ยังไม่ได้สรุปคดีว่าใครคือคนร้าย

ในวันนี้เราจะมาสืบคดีกันต่อโดยกิจกรรมนี้ได้ออกแบบให้ผู้เรียนทำกิจกรรมโดยการรับบทเป็นนักสืบอ่านบทสัมภาษณ์จากผู้ต้องสงสัยซึ่งเป็นบุคคลที่อยู่ในงานเลี้ยง (ภาพประกอบจากละครเรื่อง "น้ำตากามเทพ" นำมาใช้เพื่อการศึกษา) แรงบันดาลใจในการออกแบบกิจกรรมนี้เนื่องจากผมเป็นคนที่ชื่นชอบการอ่านนิยายและนักเรียนหลายคนก็ชื่นชอบเช่นกัน จึงคิดว่านักเรียนน่าจะสนุกในการฝึกแนกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นและข้อสนับสนุนจากบทอ่านที่ชวนให้ติดตาม ประยุกต์มาใช้ในรูปแบบคล้ายกับ Visual Novel หรือเกมนวนิยาย

ทั้งนี้คุณครูสามารถจัดกิจกรรมได้ทั้งในรูปแบบของรายบุคคลและรายกลุ่มซึ่งผมได้เลือกใช้กิจกรรมกลุ่มเพื่อเพิ่มความสนุกในการทำกิจกรรม

หลังจากที่นักเรียนเรียนรู้เรื่องการจำแนกข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นและข้อสนับสนุนมาแล้วนั้น นักเรียนจะเข้าสู่การนำความรู้ที่ได้ไปใช้โดยการอ่านบทสัมภาษณ์ของผู้ต้องสงสัย จากนั้นช่วยกันจำแนกว่าข้อความที่ผู้ต้องสงสัยว่าข้อความที่กล่าวมานั้นส่วนใดมีลักษณะเป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็นหรือข้อสนับสนุน ทั้งนี้ยังคงนำแนวคิดจากเทคนิค Gamification มาใช้ในโดยการนำบริบทของเกมมาใช้ในรูปแบบอื่น ๆ ผ่านการสร้างด้วย PowerPoint ซึ่งกิจกรรมนี้จะมีการนำเวลาในการคิดมาเป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้เรียนเร้าใจในการเรียนมากยิ่งขึ้น ผู้เรียนจำแนกในเวลาที่กำหนด โดยคุณครูอาจเตรียมใบกิจกรรมหรือกระดาษสำหรับเขียนคำตอบ

เมื่อนักเรียนทุกคนหรือทุกกลุ่มตอบครบแล้วคุณครูอาจให้นักเรียนแลกเปลี่ยนคำตอบและวิธีคิดว่าทำไมจึงคิดเช่นนั้นก่อนที่จะเฉลยคำตอบซึ่งจะพบว่าข้อความสีน้ำเงินเป็นข้อเท็จจริง ข้อความสีแดงเป็นข้อคิดเห็นและข้อความในสีเขียวเป็นข้อสนับสนุน จากนั้นจึงดำเนินกิจกรรมจนครบทุกด่าน

เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมคุณครูจึงให้นักเรียนแต่ละกลุ่มเสนอความคิดว่าใครน่าจะเป็นผู้ร้ายในคดีนี้จากการวิเคราะห์คำให้การของแต่ละคนว่าคำพูดของใครย้อนแย้งจากคนอื่น ๆ ทั้งนี้การสรุปว่าใครเป็นคนร้ายเพื่อความสนุกสนานในการทำกิจกรรมเท่านั้นหากนักเรียนตอบผิดก็ไม่เป็นไรเนื่องจากจุดประสงค์ของเราคือการฝึกจำแนกข้อเท็จจริงข้อคิดเห็นและข้อสนับสนุน ซึ่งจากการนำกิจกรรมไปใช้พบว่าผู้เรียนให้ความสนใจในการอ่านและฝึกฝนมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุดกิจกรรมดังกล่าวคุณครูอาจนำไปเป็นไอเดียในการปรับรูปแบบกิจกรรมในห้องจากการทำแบบฝึกหัดธรรมดาอาจนำไปสู่กิจกรรมที่ดึงดูดผู้เรียนมากขึ้นเพียงปรับรูปแบบกิจกรรมก็สามารถเปลี่ยน PowerPoint ธรรมดาให้เป็นสื่อที่น่าสนใจได้ครับ หากคุณครูคนไหนมีข้อสงสัยหรือสนใจติดตามไอเดียกิจกรรมการสอนภาษาไทย สามารถติดตามผมได้ที่ More fun with Thai ห้องเรียนภาษาไทยเพื่อความบันเทิง