icon
giftClose
profile

เดินทางมาถึงฤดูกาลแห่งความรัก วันนี้จึงขอเสนอความรักในแบบฉบับวัยรุ่นฟันน้ำนมที่มีต่อสัตว์เลี้ยง เราจะมาดูกันว่าเด็กๆ กับสัตว์เลี้ยงจะน่ารักขนาดไหน มาชมกันเลย

เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการวาดภาพสัตว์เลี้ยงของตนเองและนำเสนอให้เพื่อนๆฟัง และเจ้าของแมวตัวนี้พูดว่า "แมวหนูตัวจริงมันน่ารักมากๆ เลยนะคะ" พร้อมกับทำหน้าแบบคลั่งรักสุด จากนั้นตอนเย็นให้เด็กๆถ่ายภาพคู่กับสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับภาพวาดแล้วค่อนข้างสื่อออกมาได้ชัด จนความน่ารักมันล้นออกจากกระดาษ

จากนั้นก็ทำโพลว่าในห้องเรียนเราเลี้ยงสัตว์ชนิดไหนมากสุด ปรากฏว่า หมามากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ตามด้วย แมว หมู และ ปลา ตามลำดับ

ตามด้วยการจำแนกสัตว์เลี้ยงและไม่ใช่สัตว์เลี้ยง

วันที่ 2 เราก็ได้นำภาพเด็กๆที่ถ่ายกับสัตว์เลี้ยงมาให้เพื่อนๆ ชมและแลกเปลี่ยนความน่ารักซึ่งกันและกัน พร้อมทั้งบอกลักษณะของสัตว์เลี้ยงตามชนิดที่ตนเองจับสลากได้

จากนั้นก็ทำสัตว์ยืดดดดดดดดด หด ได้

วันที่ 3 content หลักจะเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับลักษณะของสัตว์เลี้ยง ผ่านการเล่นเกมไขปริศนาลับ จับหัวขโมย สามารถอ่านตามลิงค์ด้านล่างได้เลย inskru.com/idea/-NNvrb8AjuFaPtKTixYx

วันที่ 4 จำลองการกินอาหารของสัตว์ปีก ซึ่งจะให้เด็กๆ คีบปอม ปอมให้ได้เยอะที่สุดภายใน 15 วินาที จากนั้นนำคะแนนมารวมกันเพื่อหาผู้ชนะ

ตามด้วยการป้อนอาหารสุนัข โดยมีกติกาว่า ให้เด็กแต่ละกลุ่มหาสิ่งของ 3 อย่างที่คิดว่าจะเข้าปากสุนัขได้ เขาก็หามาเยอะมาก เราก็ไม่ได้ว่าอะไร จากนั้นให้นำของที่หามาได้ 3 อย่างมาชั่งน้ำหนักกันว่ากลุ่มไหนจะหนักสุดและได้คะแนนไปซึ่งมีกลุ่มหนึ่งที่เก็บแต่ดอกไม้มา เราก็แอบสงสารนิดหนึ่ง พอรวมคะแนนเสร็จ ปรากฎว่ากลุ่มที่ได้คะแนน เยอะสุดเป็นกลุ่มที่ชนะแทบทุกครั้งที่มีการแข่งขัน กลุ่มที่ได้ลำดับที่ 2 มีคนหนึ่งยกผ้ากันเปื้อนมาเช็ดน้ำตาด้วยความอัดอั้นตันใจ ถ้าเป็นภาษาอีสานก็เหลือใจแฮงงง เราก็แบบเอาแล้ววววว จึงนำกล่องที่เด็กๆ มานับจำนวนอาหารที่หย่อนลงไป ซึ่งเราก็ทวนกติกาอีกครั้งว่า 3 ชิ้นนะ ถ้ากลุ่มไหนเกินลบคะแนนตามจำนวนที่เกิน ปรากฎว่ากลุ่มที่ได้ลำดับที่ 2 พลิกขึ้นมาเป็นที่ 1 จากสีหน้าเศร้าๆ ก็เริ่มยิ้มได้

วันสุดท้ายของสัปดาห์กับการแสดงบทบาทสมมติเป็นสัตว์แพทย์ ซึ่งเด็กๆ ก้แบ่งทีมกันว่า ใครจะเป็นหมอ ใครจะเป็นคนพาสัตว์เลี้ยงมาหาหมอ จากนั้นก็ให้เด็กๆ ได้เล่นกัน

ขั้นตอนนี้คือการตรวจเพื่อหาความผิดปกติของสัตว์เลี้ยง และทำการรักษา "มันขาหักนะคุณครู"

ต่อด้วยการจ่ายยาเราจะมีบัตรจ่ายยาให้แต่ละคน ตามชนิดสัตว์เลี้ยง จากนั้นให้นับจำนวนลูกปัดตามจำนวนที่กำหนดไว้ในบัตรภาพ ซึ่งตอนที่ทำบัตรภาพเราก็ไม่ได้ดูว่ามีลูกปัดสีอะไรบ้าง จากแดงก็เป็นชมพู จากเหลืองก็เป็นเขียว แต่เรากับเด็กๆ ก็ตกลงกันก่อนแล้วว่าใช้สีอะไรแทนก็ดูเหมือนจะเข้าใจดี

แต่มันจะมีอยู่คนหนึ่งงงงงงงงง "คุณครูค้าบบบบมันไม่มีสีเหลืองอ่ะ" เราก็บอกว่า "ใช้สีเขียวแทน" เขาก็พูดขึ้นอีกว่า "แต่มันไม่มีสีเหลืองอ่าาาาา" เราก็บอกไปอีกว่า "ใช้สีเขียวแทนนนนนน" ตอนนั้นเพื่อนข้างๆก็พูดว่า "ใช้สีเขียวแทนเห็นไหมฉันก็ใช้เนี่ย" แล้วเสียงนั้นก็เงียบไปพร้อมกับตั้งใจนับ ซึ่งเมื่อทุกคนเสร็จแล้วเราจะทำการตรวจสอบเป็นกลุ่มว่ากลุ่มไหนนับพลาดน้อยที่สุด มีรางวัลให้ ปรากฎว่ากลุ่มที่ยังไม่เคยชนะ มาวันนี้กลับนำโด่งมาเป็นอันดับ 1 เราก็ดีใจนะที่ในกลุ่มเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นปิดท้ายด้วยการสรุปกิจกรรมโดยเราจะมอบหมายช่องตารางให้เด็กคนละช่องจากนั้นให้ระบายสีเม็ดยาตามตารางที่ได้ซึ่งเด็กๆก็จะได้ทักษะการเชื่อมโยงความสัมพันธ์อีกด้วย (เด็กห้องเราค่อนข้างกับชินชื่อภาษาอังกฤษมากกว่าภาษาไทยด้วยจำนวนพยัญชนะที่ค่อนข้างน้อยและการเขียนที่ถือว่าเป็นเส้นพื้นฐานง่ายๆ)

เมื่อระบายสีเสร็จก็นำมาติดทับชื่อของตนเองให้เรียบร้อย จากนั้นเราก็จะมาดูช่วยกันว่าเพื่อนๆทำถูกหรือเปล่าซึ่งทุกคนก็ทำถูกต้องอย่างสมบูรณ์


เมื่อเรามองย้อนดูกระบวนการเรียนรู้จะพบว่า ทักษะส่วนมากที่เราเน้นจะเป็นด้านตรรกะ การเชื่อมโยงเหตุและผลซึ่งเป็นฐานของการเรียนรู้ในวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ซึ่งสิ่งที่เราทำได้ในวันนี้คือการส่งเสริมให้เด็กๆ มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนรู้เพื่ออนาคตในภายภาคหน้าวิชาเหล่านี้จะไม่เป็นแผลเป็นในใจเฉกเช่นใครหลายๆคน (เราเอง55555555+)


แท็กที่เกี่ยวข้อง

รีวิว
(0)
ดาวน์โหลด
(0)
เก็บไว้อ่าน
(0)