inskru

ทำไม "ความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนกันและกัน" จึงสำคัญกับครู

2
0
ภาพประกอบไอเดีย ทำไม "ความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนกันและกัน" จึงสำคัญกับครู

“เด็กๆ ไม่อยากเรียนกับคนที่พวกเขาไม่ชอบหรอก”

“Kids aren’t going to learn from someone they don’t like.”

นี่คือประโยคสำคัญของ Rita Pierson นักการศึกษาชื่อดังชาวอเมริกัน ที่เธอได้กล่าวใน TED Talk ในปี 2556 เพื่อเน้นย้ำให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทั่วโลก กลับมาให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน เพราะนักเรียนไม่ได้มีเพียงหน้าที่มารับการศึกษา ครูไม่ได้มีเพียงหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ แต่เราต่างเป็นมนุษย์มีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจ ปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นระหว่างครูและนักเรียนจึงเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาการเรียนรู้ บรรยากาศการเรียนการสอน และการพัฒนาตัวตนของนักเรียนแต่ละคน

ตลอดทั้งปี 2566 นี้ insKru จึงอยากชวนครูทุกคนมาทำความรู้จักกับการสร้างความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนกันและกัน (Supportive Relationship) ไปด้วยกัน

Supportive Relationship คือ การสร้างความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนกันและกัน

รูปแบบความสัมพันธ์เชิงบวกที่เกิดขึ้นระหว่างครูกับนักเรียน เป็นปฏิสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในและนอกห้องเรียนที่ส่งผลให้นักเรียนรับรู้ถึงความห่วงใย สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ของครู ครูเป็นผู้เริ่มต้นสานสัมพันธ์กับนักเรียนอย่างต่อเนื่อง โดยปฏิสัมพันธ์ระหว่างครูกับเด็กแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด บทความวิจัย Building Supportive Relationships for School Improvement  ย้ำว่า นอกจากการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจแล้ว ครูจำเป็นที่จะต้องเปิดพื้นที่ให้นักเรียนได้เรียนรู้การเคารพซึ่งกันและกัน ด้วยการให้นักเรียนได้ลองคิด ตัดสินใจลงมือทำอะไรด้วยตนเอง

เพราะจุดหมายปลายทางของรูปแบบความสัมพันธ์นี้ ไม่ใช่เพื่อให้นักเรียนสนิทสนมกับครูมากขึ้นเท่านั้น แต่เป็นการทำให้นักเรียนรับรู้ถึงคุณค่าในตัวเอง รับรู้ถึงความสามารถที่มีอยู่ และศักยภาพที่พัฒนาต่อไปได้ เพราะมีครูที่พร้อมรับฟัง และเอาใจช่วยอยู่เสมอ

หนังสือ สอนเปลี่ยนชีวิต: 7 ชุดความคิดพลิกห้องเรียนเพื่อเด็กทุกคน (Poor Students, Rich Teaching: Seven High-Impact Mindsets for Students From Poverty) ซึ่งเขียนโดย Eric Jensen ความสัมพันธ์เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องมีชุดความคิดสานสัมพันธ์ (Relational Mindset) ชุดความคิดแห่งความสำเร็จ ชุดความคิดเชิงบวก ชุดความคิดแห่งบรรยากาศการเรียนแบบบริบูรณ์ ชุดความคิดส่งเสริมศักยภาพของนักเรียน ชุดความคิดแบบมีส่วนร่วม ชุดความคิดการสำเร็จการศึกษา ซึ่งล้วนจะเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้ครูสามารถสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับนักเรียนแต่ละคนที่มีความแตกต่างกันได้

ครูหลายคนอาจจะทำสิ่งเหล่านี้มาตลอดโดยไม่รู้ตัว หลายคนอาจจะเพิ่งเคยได้ยินแนวคิดเหล่านี้ แต่เราเชื่อว่าครูทุกคนสามารถค่อยๆ เรียนรู้ไปด้วยกัน เพิ่มพูนทักษะการฟัง การสื่อสารเชิงบวก ฝึกฝนการสร้างความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนกันและกันได้อย่างลึกซึ้งขึ้นอย่างแน่นอน

Supportive Relationship (การสร้างความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนกันและกัน) สำคัญยังไง

การสร้างความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนซึ่งกันและกันระหว่างครูและนักเรียน ส่งผลต่อนักเรียนทุกระดับชั้นในรูปแบบที่แตกต่างกันไป โครงการวิจัยของ Greater Good in Education สถาบันวิจัยด้านพัฒนาการเรียนรู้ของ University of California, Berkeley ให้ข้อมูลว่า

ในระดับเตรียมอนุบาล และระดับอนุบาล การที่ครูสานสัมพันธ์กับนักเรียนผ่านการสนับสนุนให้เรียนรู้เกี่ยวกับอารมณ์ ส่งผลดีต่อการเข้าสังคม และทักษะทางวิชาการของนักเรียน

ในระดับประถมศึกษา ความใกล้ชิด สายสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียนที่เป็นไปในเชิงบวก สัมพันธ์กับแรงจูงใจในการที่นักเรียนจะเข้ามามีส่วนร่วมในการเรียนรู้ และส่งผลดีไปถึงพฤติกรรมทางสังคมโดยรวมอีกด้วย

ในระดับมัธยมศึกษา นักเรียนที่รู้สึกเชื่อมโยงต่อติดกับครู มีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการใช้สารเสพติดลดลง พฤติกรรมเสี่ยงทางเพศลดลง ไปจนถึงลดอัตราการฆ่าตัวตายในวัยเรียนด้วยเช่นกัน

ในระดับมหาวิทยาลัย อาจารย์กับนักศึกษาอาจจะไม่จำเป็นต้องใกล้ชิดกันมากเท่าในวัยเด็ก แต่ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนก็ยังคงสำคัญอย่างยิ่งต่อความสำเร็จทางวิชาการ การที่นักศึกษาสามารถติดต่อกับอาจารย์ได้ สอบถามขอความช่วยเหลือได้ ช่วยลดการออกจากมหาวิทยาลัยกลางคัน เสริมแรงให้เกิดความมุ่งมั่นตั้งใจ การมีส่วนร่วมในชั้นเรียนและการพัฒนาทักษะทางวิชาการอย่างเห็นผลได้ชัดเจน

Linda Darling-Hammond ประธานและผู้บริหารของสถาบันนโยบายการเรียนรู้ (Learning Policy Institute) ให้สัมภาษณ์กับ Edutopia ไว้ว่า สายสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างครูและนักเรียน เป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการเรียนรู้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องช่วยกันสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่เหมาะสม เพื่อให้นักเรียนรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของห้องเรียน เป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียน และเป็นส่วนหนึ่งของสังคม เพราะอารมณ์ความรู้สึกและการเรียนรู้นั้นสัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก การอยู่ในพื้นที่ที่ส่งเสริมอารมณ์เชิงบวก ส่งเสริมความรู้สึกดีๆ เกี่ยวกับตัวเองและคนรอบข้าง ย่อมส่งผลต่อโอกาสในการเรียนรู้ที่มากขึ้นตามไปด้วย 

เมื่อมองในแง่มุมทางวิทยาศาสตร์จาก Pamela Cantor ผู้ก่อตั้งองค์กร Turnaround for Children ซึ่งให้ข้อมูลว่า เมื่อเด็กได้รับประสบการณ์ความใกล้ชิด ความไว้วางใจอย่างสม่ำเสมอ ฮอร์โมนออกซิโทซินจะหลั่งออกมา ซึ่งส่งผลอย่างมหาศาลต่อการพัฒนาการของสมอง เช่นเดียวกับข้อมูลในหนังสือ สอนเปลี่ยนชีวิต: 7 ชุดความคิดพลิกห้องเรียนเพื่อเด็กทุกคน กล่าวว่า ภาวะด้อยโอกาส ฐานะทางบ้านที่ยากจน ส่งผลต่อปริมาณเนื้อสมองสี และเปลือกเนื้อสมองสีเทาให้มีปริมาณน้อยกว่าปกติ กระทบต่อสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเรียนรู้ ความทรงจำ และการปรับสภาพอารมณ์ แต่ประสบการณ์ที่ดีจากความสัมพันธ์เชิงบวกในโรงเรียน เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาสมองส่วนดังกล่าวได้ เมื่อฮอร์โมนเซโรโทนินเพิ่มขึ้นจากความสุข ความอบอุ่นใจ ฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลงจากการที่ความเครียดลดลง ส่งผลต่อพัฒนาการเรียนรู้ที่ดีขึ้น ความทรงจำที่แม่นยำกว่าเดิม

งานวิจัย Supportive Relationship between Teachers and Students and Among Peers โดย Enkeleda Stefa กล่าวไว้ในบทคัดย่ออย่างน่าสนใจว่า ช่วงเวลาในโรงเรียน ครูเป็นบุคคลต้นแบบเพียงหนึ่งเดียวที่มีผลอย่างยิ่งต่อการพัฒาตัวตนและการเข้าสังคมของนักเรียน ในชีวิตของเด็กคนหนึ่ง ครูเป็นต้นแบบของผู้ใหญ่ ที่มีความสำคัญเป็นอันดับสองรองจากผู้ปกครองของนักเรียน ความสัมพันธ์ระหว่างครูและนักเรียนจึงมีผลต่อทั้งการเรียนการสอนในห้องเรียน และส่งผลต่อพัฒนาการเรียนรู้ที่แตกต่างกันไปสำหรับนักเรียนแต่ละคน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการพัฒนาความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนกันและกัน (Supportive Relationship)

จากการศึกษาครูในระดับชั้นประถมศึกษาและระดับมัธยมศึกษา ในคอมมูนิตี้ insKru พบ 3 ปัจจัยต่อไปนี้

  • ทัศนคติของครู ครูส่วนใหญ่ในคอมมูนิตี้ insKru มองว่าการสร้างความสัมพันธ์เป็นสิ่งสำคัญในฐานะครู แต่การให้ความสำคัญจนไปถึงการทำงานเรื่องความสัมพันธ์อย่างจริงจัง เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล บางคนมองว่าสำคัญ แต่ไม่เชื่อว่าความสัมพันธ์จะช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ กับนักเรียนได้ หรือไม่เคยมีประสบการณ์พัฒนาทักษะด้านอารมณ์ และสังคมให้แก่นักเรียน
  • ช่วงวัยของนักเรียน เมื่อนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษามีปัญหา มีแนวโน้มพึ่งพาครูมากกว่านักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา
  • ประสบการณ์การสอนของครู ครูที่อายุยังน้อย (ทั้งอายุจริงและอายุการทำงาน) จะมีแนวโน้มรับมือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของนักเรียนในเชิงลบ

ดังนั้น ครูจึงควรเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับทักษะด้านอารมณ์และสังคม (SEL: Social & Emotional Learning) และครูต้องการพื้นที่สำหรับการฝึกซ้อมวิธีการรับมือก่อนที่จะเจอสถานการณ์จริงในห้องเรียน

insKru จึงได้ออกแบบเครื่องมือให้คุณครูได้นำไปใช้สำหรับการสานสัมพันธ์กับนักเรียนอีกด้วย

👍Student Feedback เครื่องมือที่ช่วยให้นักเรียนได้สะท้อนความรู้สึกที่มีต่อคุณครูในมิติที่หลากหลาย ทั้งด้านความสัมพันธ์ บรรยากาศในชั้นเรียน และตัวนักเรียนเอง ลองใช้เลย https://inskru.com/evaluation

และอีกเครื่องมือก็คือ 🏋🏻‍♀️โรงยิมความรู้สึก เครื่องมือที่ชวนคุณครูซ้อมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ พร้อมเรียนรู้เรื่อง Self Awareness และได้เป้าหมายกลับไป ลองใช้เลย https://inskruselfawareness.paperform.co

แนวทางสร้างความสัมพันธ์แห่งการสนับสนุนกันและกัน (Supportive Relationship)

เมื่อนักเรียนต้องอธิบายคำว่า “ครูดีในดวงใจ” นักเรียนมักจะอธิบาย 3 คุณลักษณะ ดังนี้ 1) ดูแลใส่ใจนักเรียน 2) จัดการห้องเรียนได้โดยไม่ต้องใช้ความรุนแรง 3) สอนสนุก น่าสนใจ มีอะไรใหม่ๆ ให้เรียนรู้เสมอ (อ้างอิงจากหนังสือ Psikologji Edukimi ของ Anita Woolfolk นักจิตวิทยาเด็ก ชาวอเมริกัน) จะเห็นได้ว่าทุกปัจจัยที่นักเรียนต้องการจากคุณครูคนหนึ่งนั้น ล้วนเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน

insKru จึงลองรวบรวมวิธีการสานสัมพันธ์เชิงบวกกับนักเรียนจากหลากหลายที่มา เพื่อเป็นตัวเลือกให้ครูได้ลองหยิบจับไปใช้ในบริบทของตัวเองกัน

        1) ทักทาย-บอกลากันทุกวัน

        2) จำชื่อนักเรียนทุกคนได้

        3) แบ่งปันประสบการณ์ของครูเองบ้าง

        4) มอบทางเลือกให้นักเรียนตัดสินใจ

        5) นักเรียนสนใจอะไร ครูสนใจด้วย

        6) สนับสนุนสิ่งที่นักเรียนแต่ละคนต้องการ

        7) ชวนสะท้อนความรู้สึกสม่ำเสมอ

        8) รับฟังนักเรียนอย่างตั้งใจทุกครั้ง

        9) เชื่อมั่นในศักยภาพของทุกคน

        10) ฟีดแบ็กอย่างสร้างสรรค์

        ใครมีไอเดียในการสานสัมพันธ์กับนักเรียนเพิ่มเติมมาแชร์กันได้เลย มาลองค่อยๆ สานสัมพันธ์กับนักเรียนไปด้วยกันนะ

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง
·     edutopia.org/video/power-relationships-schools
·     edutopia.org/article/6-strategies-building-better-student-relationships
·     ted.com/talks/rita_pierson_every_kid_needs_a_champion
·     readbrightly.com/build-strong-teacher-student-relationships
·     apheit.bu.ac.th/jounal/Inter-vol6-1/p35-44-BunHoeun-Chhourn.pdf
·     tuiopay.com/blog/6-keys-to-building-positive-student-teacher-relationships
·     ecampusontario.pressbooks.pub/educ5202/chapter/the-importance-of-student-teacher-relationships
·     ggie.berkeley.edu/collection/building-trust-with-your-students
supportive relationshipGrowthMindsetการจัดการชั้นเรียน

ไอเดียนี้เป็นไงบ้าง?

2
ได้แรงบันดาลใจ
0
ลงไอเดียอีกน้า~
avatar-frame
แบ่งปันโดย
insinsKru
insKru Official Account เราจะคอยผลักดันและเชิญชวนคุณครูมาร่วมสร้างสรรค์ไอเดียการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการศึกษาไทยต่อไป

อยากร่วมแลกเปลี่ยน?

please login

แสดงความเห็นกับสมาชิกใน insKru

เก็บไอเดียไว้อ่าน และอีกมากมาย

icon-please-commentมาเป็นคนแรกที่แลกเปลี่ยนสิ!
credit idea

ได้แรงบันดาลใจเต็มๆ เลยใช่มั้ย?
บันทึกแรงบันดาลใจที่ได้รับเก็บไว้ไม่มีลืมผ่านการเขียนไอเดียเลย!

ไอเดียน่าอ่านต่อ