ตัวอย่างการนำไปใช้

1) ลูกบอลสุ่มถาม : ประยุกต์มาจากเกมกะหล่ำปลี โดยขยำกระดาษเป็นก้อนกลมๆ 1 ลูก ให้นักเรียนส่งต่อไปเรื่อยๆ ตามจังหวะเพลง เพลงหยุดเมื่อไหร่ ลูกบอลอยู่ที่ใครคนนั้นจะต้องเป็นคนตอบคำถาม

2) เกมส่งต่อปากกา : ให้นักเรียนส่งต่อปากกาคนละด้าม (ของตัวเอง) ตามจังหวะ “ให้ ให้ ให้ ไม่ให้ ให้” โดย 3 รอบแรกให้ออกเสียงพร้อมกัน รอบที่ 4 เป็นต้นไปไม่ต้องออกเสียง ส่งปากกาไปเรื่อยๆ จังหวะที่พูดว่าไม่ให้ให้ดึงปากกากลับมาที่เรา ส่วนจังหวะที่พูดว่าให้ ก็ส่งต่อไปตามปกติ เมื่อจบเกมลองชวนนักเรียนสะท้อนความรู้สึกที่เกิดขึ้นและเชื่อมโยงกับชีวิตประจำวันของตัวเอง (สามารถอ่านวิธีนำไปใช้อย่างละเอียดได้ที่นี่ >> https://inskru.com/idea/-LnqOnu1Y9lV8PFuxLoo) 

3) มุมที่ไม่ได้มองของตนเอง : ให้นักเรียนวาดรูปตัวเองให้เหมือนสภาพปัจจุบันมากที่สุดลงในกระดาษ จากนั้นเขียนข้อด้อยของตัวเองลงไปในรูป เช่น อ้วน ขาใหญ่ เป็นสิว ขี้อาย ไม่กล้าแสดงออก จน เป็นต้น ต่อมา ให้ทุกคนนั่งเป็นวงกลมและส่งภาพวาดของตนไปทางซ้ายหรือขวาก็ได้ คนที่ได้รับภาพวาดมา จะต้องเขียนข้อดีของเจ้าของกระดาษ โดยครูมีกติกาว่าข้อความที่เขียนลงไปต้องเป็นด้านบวกเท่านั้น เช่น การให้กำลังใจ คำชม เป็นต้น ส่งต่อกระดาษไปจนครบ จนกระดาษวนกลับมาหาผู้เรียนเจ้าของกระดาษ ให้ผู้เรียนอ่านข้อความในภาพ (สามารถอ่านวิธีนำไปใช้อย่างละเอียดได้ที่นี่ >> https://inskru.com/idea/-LPQyEoSqkWFH7R3bE6F) 

4) รู้แพ้ รู้ชนะ รู้ อะ....ให้ : เวลาคุณครูจัดกิจกรรมต่างๆ ในห้องเรียน มักจะมีคะแนนหรือรางวัลตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเป็นกำลังใจ ซึ่งโดยปกติแล้ว นักเรียนหรือกลุ่มไหนตอบได้ คุณครูมักให้คะแนนกลุ่มนั้น แต่หากลองเปลี่ยนเป็น “คนที่ได้รับคะแนนหรือรางวัลสามารถแบ่งปันหรือมอบสิ่งนั้นส่งต่อให้เพื่อนได้” เป็นการเรียนรู้การให้ในห้องเรียนที่เกิดจากกิจกรรม (สามารถอ่านวิธีนำไปใช้อย่างละเอียดได้ที่นี่ >> https://inskru.com/idea/-M-iHjSHhNXrpYUAhd14)

5) จำและส่งต่อ : วิธีเล่นเหมือนกับเกมกระซิบส่งสาร คือให้นักเรียนจับกลุ่ม แล้วยืนเรียงต่อกัน คนแรกจะต้องมาอ่านประโยคจากครูแล้วเอาไปบอกต่อเพื่อนคนถัดไป เพื่อนที่ได้ฟังก็จะต้องกระซิบต่อไปให้เพื่อนคนถัดไปเรื่อยๆ และคนสุดท้ายจะต้องเขียนประโยคที่ตนได้ยิน กลุ่มไหนเขียนประโยคได้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุดและเร็วสุด ถือว่าชนะ